svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

“อนุพร” เสนอสร้างภูมิคุ้มกันด้านกฎหมายเด็กและเยาวชน ตั้งแต่ม.1

15 พฤษภาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ แนะ เพิ่มวิชาด้านกฎหมายพื้นฐานสิทธิหน้าที่พลเมือง การสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กเยาวชน ป้องกันการกระทำความผิดและแก้ปัญหาระยะยาว เริ่มตั้งแต่ชั้น ม.1 ชี้ สังคมต้องร่วมมือแก้ไขดูแลอนาคตของชาติ

นายอนุพร อรุณรัตน์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความและผู้สมัครนายกสภาทนายความ กล่าวถึงต่อประเด็นคดีที่เยาวชนขายของออนไลน์และได้กระทำผิดโกงผู้อื่น ว่า กฎหมายสามารถเอาผิดเยาวชนได้ถ้าเด็กยังไม่เกิน 12 ปีกระทำความผิด เด็กนั้นไม่ต้องรับโทษมีความผิดแต่ไม่ต้องรับโทษ เพราะสามัญสำนึกความรู้สึกดีชั่วยังน้อยมาก แต่หากอายุมากกว่า 12 ปีแและยังไม่เกิน 15 ปี ศาลจะมีวิธีพิจารณากำหนดโทษเป็นพิเศษ ถ้า 15 ปีขึ้นไปแต่ไม่ถึง 18 ปีก็มีความผิดเหมือนกันแต่มีโทษหนักกว่าพร้อมกันนี้ศาลจะพิจารณาถึงปัญหาสุขภาพกาย สุขภาพจิต สภาพแวดล้อมครอบครัวของเด็กและเยาวชนที่กระทำความผิดประกอบกันด้วย

"ขณะที่มีสภาทนายความสามารถช่วยให้คำแนะนำได้ แต่การพิจารณาคดีศาลเยาวชนและครอบครัว ไม่เรียกว่าทนายความ แต่เรียกว่าที่ปรึกษากฎหมายที่จะชี้แนะแนวทางให้เด็กและเยาวชน เพื่อเปลี่ยนวิสัยทัศน์แนวคิดให้ดีขึ้น กระตุ้น ให้ใช้ศักยภาพความเก่งด้านการขายออกมาใช้ในทางที่ถูกต้อง ไม่ใช่ไปโทษว่าใครต้องรับผิดชอบ ต้องติดคุก"
 

นายอนุพร เชื่อว่า เมื่อเด็กและเยาวชนเป็นส่วนหนึ่งของสังคมทุกคนไม่ควรจะนิ่งเฉยดูดายเมื่อเด็กและเยาวชนกระทำผิด แต่เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องช่วยกันแชร์ความคิด หาทางส่งเสริมในทางที่ถูกต้อง โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีดิจิทัลควบคู่กับการให้ความรู้ด้านเศรษฐกิจ ความรู้พื้นฐานด้านเศรษฐศาสตร์ การผลิต การขนส่งการจำหน่ายให้เด็กและเยาวชนได้เข้าถึงและเรียนรู้กฎหมายซึ่งจะเป็นทางแก้ปัญหาในระยะยาว

 

ที่ปรึกษานายกสภาทนายความจึงได้เสนอว่าควรจะให้นักเรียน เด็กและเยาวชน ได้เรียนกฎหมายอย่างน้อยตั้งแต่มัธยมศึกษาที่ 1 หรือ ม.1 เป็นต้นไป จากนั้น ม.3-ม.6 ต้องรู้กฎหมายเบื้องต้นแล้ว ที่สำคัญควรรู้สิทธิ หน้าที่ของตัวเองในฐานะที่เป็นเด็กหรือเยาวชน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ รวมถึงต้องรู้ถึงความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองตามหลักรัฐธรรมนูญ เด็กต้องรู้สิทธิและหน้าที่ของพลเมืองชาวไทย เด็กต้องรู้พื้นฐานเรื่องเหล่านี้ เพื่อให้เติบโตขึ้นมามีจิตสำนึก พื้นฐานของกฎหมาย มีเศรษฐศาสตร์ขั้นพื้นฐาน การเลือกซื้อขาย รวมถึงการลงทุน เลือกเป็น คิดเป็น สำนึกรับผิดชอบต่อสังคม

 

ทั้งนี้ นายอนุพร เห็นควรให้การสนับสนุนเด็กและเยาวชน ตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมเป็นต้นไปให้ได้มีความรู้ทางกฏหมายเป็นการสนับสนุนให้เท่าทันต่อโลกปัจจุบันที่เด็กและเยาวชนสามารถใช้ความรู้ความสามารถและทักษะเฉพาะตัวเป็นผู้ประกอบการ เช่น การออกแบบ ผลิตสินค้า อาหาร ศิลปะ และการแสดง อื่นๆ สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ตนเองครอบครัวและสังคมได้ด้วย จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ เด็กและเยาวชนต้องมีความรู้พื้นฐานทางกฎหมาย ทั้งทำให้เด็กได้รู้สิทธิของตนเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองที่อยู่ในความดูแลของผู้ปกครองหรือครอบครัว เป็นการให้เด็กและเยาวชนได้เข้าถึงความยุติธรรมขั้นพื้นฐาน จะสามารถแก้ไขช่องโหว่ที่ทำให้เกิดปัญหาขึ้นในสังคมและช่องโหว่ของกฎหมายได้ เหมือนเป็นการไปเติมเต็มกฎหมาย สร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติ ให้มีศักยภาพ ควบคู่มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมด้วย
 

logoline