svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

น.ต.ศิธา ชี้ ไทยสุ่มเสี่ยงเป็นถังขยะโลก แจง ต้องแก้ปัญหา 3 ระดับ

09 พฤษภาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

น.ต.ศิธา ชี้ ไทยสุ่มเสี่ยงเป็นถังขยะโลก แจง ต้องแก้ปัญหา 3 ระดับ พร้อมเอาใจพนักงานเก็บขยะ ระบุ หากได้เป็นผู้ว่าฯ จะจัดการกทม.ให้เป็นเมืองสะอาด เริ่มจากการจัดสรรงบประมาณและดูแลสวัสดิการให้แก่พนักงาน ให้อยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี

9 พฤษภาคม 2565 น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หมายเลข 11 พรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงปัญหาขยะในกรุงเทพมหานครว่า มีอยู่ 3 ระดับ คือ ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ

น.ต.ศิธา ชี้ ไทยสุ่มเสี่ยงเป็นถังขยะโลก แจง ต้องแก้ปัญหา 3 ระดับ

“ระดับต้นน้ำ” ต้องพิจารณาถึงการลดปริมาณขยะและการแยกขยะอย่างเป็นระบบ เพราะถ้ามองให้ลึกถึงปัญหาในระดับต้นน้ำจะพบว่า ปริมาณขยะมูลฝอยมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มีการนำเข้าขยะพลาสติกและอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ ที่สำคัญการไม่แยกขยะ โดยนำขยะเปียก เศษอาหาร มารวมกับขยะแห้ง ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นและก่อให้เกิดมลพิษมากกว่าค่ามาตรฐาน เช่นในพื้นที่โรงขยะไฟฟ้า ที่อ่อนนุช

 

เมื่อลงลึกในรายละเอียดจะพบว่า การนำเข้าขยะพลาสติกพุ่งขึ้น จากการที่จีนยกเลิกการนำเข้าขยะ ทำให้ ราคาขยะพลาสติกลดลง ประเทศไทยจึงมีการนำเข้าขยะพลาสติกมากขึ้น จนสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ ประเทศอาจกลายเป็นถังขยะของโลก เพราะทุกการนำเข้า คือการเพิ่มขยะคงค้างในประเทศ

สำหรับ“ระดับกลางน้ำ” พบว่า ราคาของการจัดเก็บขยะไม่สอดคล้องกับงบประมาณที่ใช้จริง อีกทั้งความถี่ในการจัดเก็บขยะไม่มากพอ ทำให้เกิดปัญหาความไม่พอเพียงของบุคลากรและรถเก็บขยะมูลฝอย ในการเข้าถึงชุมชนทุกบริเวณ โดยเฉพาะกำลังพลและสวัสดิการที่ให้แก่พนักงานเก็บขยะ ยังไม่เหมาะสมกับความเสี่ยง ความทุ่มเท และความสำคัญของภารกิจหน้าที่

 

หากดูตัวเลขในปี 2564 พบว่า กรุงเทพฯ มีรถจัดเก็บขยะเพียง 2,177 คัน และตำแหน่งพนักงานทั่วไปหรือเก็บขนมูลฝอยมีอัตราค่าจ้างเพียงเดือนละ 8 พันกว่าบาทเท่านั้น

 

ส่วน“ระดับปลายน้ำ” กรุงเทพฯยังไม่มีจุดจัดการขยะในระดับท้องถิ่น ขาดการประสานงานกับภาคเอกชน ที่ต้องการนำขยะไปเพิ่มมูลค่า ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า การเพิ่มมูลค่าของขยะเป็นไปอย่างจำกัด เช่น การนำไปรีไซเคิลทำพลังงานไฟฟ้าหรือปุ๋ยหมัก

น.ต.ศิธา ชี้ ไทยสุ่มเสี่ยงเป็นถังขยะโลก แจง ต้องแก้ปัญหา 3 ระดับ

ดังนั้นจึงถึงเวลาที่ ศิธา จะคิดต่างเรื่องขยะ เพื่อการจัดการกทม.ให้เป็นเมืองสะอาด และเป็นบ้านแห่งความสุข เริ่มจากการปรับเปลี่ยนการจัดสรรงบประมาณและการดูแลสวัสดิการให้แก่พนักงานเก็บขยะ ให้สามารถอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี สมกับความเสียสละทุ่มเท เพื่อดูแลพี่น้องชาวกทม.เช่น สวัสดิการในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลให้กับพนักงานประจำและพนักงานพาร์ทไทม์ เพิ่มกำลังพลและจำนวนรถจัดเก็บขยะทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก เพื่อการเข้าถึงถนนย่อยและชุมชนทุกประเภท

 

รวมถึงการสร้างแรงจูงใจให้กับสถานประกอบการขนาดใหญ่ ต้องคัดแยกขยะจากต้นทาง เช่น การคงค่าเก็บขยะตามอัตราเดิมหากสถานประกอบการจัดการแยกขยะได้ดี หรือการลดค่าเก็บขยะถ้าสามารถลดปริมาณขยะได้ตามเป้าของกรุงเทพฯ หรือให้ระยะเวลาผ่อนผันในการจัดการขยะเป็นระยะเวลา 1 ปี หากสถานประกอบการไม่พร้อมกับการจัดการแยกขยะตามมาตรฐาน สามารถจ่ายค่าจัดเก็บขยะเพิ่มเติมตามปริมาณขยะในอัตราก้าวหน้า เพื่อให้กทม.จัดการในส่วนนี้แทน

 

รวมถึงการสร้างแรงจูงใจ แยกขยะได้ดีมีรางวัล โดยเฉพาะสถานประกอบการที่ลดปริมาณขยะได้ จะได้ส่วนลดต่างๆ เช่นได้รับการยกเว้นค่าจัดเก็บขยะ ได้รับแบงค์กอก Token เพื่อลดค่าครองชีพและนำไปซื้อของช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย เป็นต้น

 

logoline