
เตือนภัยอย่างหนึ่งของคนวัยทำงาน ที่ทุกวันนี้ต้องนั่งทำงานกับโต๊ะตลอดเวลา โอกาสในการเคลื่อนไหวร่างกายมีน้อย จนเกิดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรืออาการ ออฟฟิศซินโดรม
ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นจาก สภาพแวดล้อมการทำงานไม่เหมาะสม หรือ เกิดจากตัวเราในการนั่งที่ไม่ถูกต้อง หลายคนอาจจะเลือกผ่อนคลายกล้ามเนื้อด้วยวิธียืดเหยียด ออกกำลังกายเพื่อผ่อนคลาย หรือรักษากับแพทย์แผนปัจจุบัน
ขณะที่มีไม่น้อยเช่นกันที่มองหา "ยา" ที่ช่วยผ่อนคลาย หรือ ช่วยในการบรรเทาอาการ วันนี้จะชวนมาดู "ยา"ที่เหมาะในการใช้รักษามนุษย์ออฟฟิศกับอาการ "ออฟฟิศซินโดรม" กันสักหน่อย
1. ยาคลายกล้ามเนื้อ (Muscle Relaxants) เช่น ออร์เฟเนดรีน (Orphenadrine), โทลเพอริโซน (Tolperisone) ยาในกลุ่มนี้มีผลข้างเคียงทำให้ท้องผูก ปากแห้ง คอแห้ง ง่วงซึม และอ่อนเพลีย จึงควรระมัดระวังในการทำกิจกรรมใด ๆ และควรหลีกเลี่ยงการทำงานร่วมกับเครื่องจักร หรือการขับขี่ยานพาหนะ
2. ยาลดการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) ยาในกลุ่มนี้ควรกินหลังอาหารทันทีแล้วดื่มน้ำตามมาก ๆ เนื่องจากระคายเคืองกระเพาะอาหาร หากใช้เป็นประจำอาจส่งผลเสียต่อไตและหลอดเลือดหัวใจได้
3. ยาแก้ปวดที่ไม่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ เช่น พาราเซตามอล (Paracetamol) โดยใน 1 วันไม่ควรกินยาเกิน 8 เม็ด หรือ 4,000 มิลลิกรัม ไม่ควรรับประทานติดต่อกันเกิน 5 วัน หากใช้เกินขนาดหรือนานเกินระยะเวลาที่กำหนด อาจเกิดพิษต่อตับได้
การกินยา เป็นเพียงอีกทางเลือก ในการบรรเทาอาการปวดเมื่อยจากออฟฟิศซินโดรมเท่านั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แนะนำว่า ควรเลือกใช้ยาเหล่านี้เป็นทางเลือกสุดท้าย และ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาทุกครั้ง ทางเลือกที่ดีที่สุด คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและอิริยาบถการทำงานให้เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการปวดเมื่อยจากออฟฟิศซินโดรมได้
ขอขอบคุณที่มาข้อมูลจาก : oryor.com