ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “สนามเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. 65 รอบที่ 2” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 27-29 เมษายน 2565 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในกรุงเทพมหานคร ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 50 เขต กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,357 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะเลือกให้เป็นผู้ว่าฯ กทม. พบว่า
เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจสนามเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. 65 รอบที่ 1 พบว่า ผู้ที่ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ มีสัดส่วนลดลง ในขณะผู้ที่ระบุว่า ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ (อิสระ) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง (อิสระ) ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ (พรรคประชาธิปัตย์) ดร.วิโรจน์ ลักขณาอดิศร (พรรคก้าวไกล) ไปลงคะแนน ไม่เลือกใคร (Vote NO) นายสกลธี ภัททิยกุล (อิสระ) น.ต.ศิธา ทิวารี (พรรคไทยสร้างไทย) น.ส.รสนา โตสิตระกูล (อิสระ) และจะไม่ไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
สำหรับบุคคลที่ประชาชนจะเลือกให้เป็นผู้ว่าฯ กทม. เมื่อจำแนกตามกลุ่มเขตการปกครองของกรุงเทพมหานคร พบว่า
กลุ่มเขตกรุงเทพกลาง
กลุ่มเขตกรุงเทพใต้
กลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ
กลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก
กลุ่มเขตกรุงธนเหนือ
กลุ่มเขตกรุงธนใต้
ท้ายที่สุดคำถามที่ประชาชนต้องการจะถามผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. พบว่า ตัวอย่างที่แสดงความคิดเห็น (จำนวน 660 หน่วยตัวอย่าง)
ขณะที่ สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของคนกรุงเทพฯ หัวข้อ "การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในสายตาคนกรุงเทพฯ" พบว่า
1.คนกรุงเทพฯ จะไปใช้สิทธิเลือกตั้งแแน่นอน ร้อยละ 82.20
2.ส่วนใหญ่ติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จากโทรทัศน์ ร้อยละ 63.56 รองลงมาคือ ป้ายโปสเตอร์ ป้ายประกาศ ป้ายหาเสียง ร้อยละ 56.82
3.ให้ความสนใจผู้สมัครอิสระ ร้อยละ 56.11 รองลงมาคือ ผู้สมัครที่สังกัดพรรคการเมือง ร้อยละ 29.58
4ตัดสินใจเลือกผู้ว่าฯ จากนโยบาย ร้อยละ 58.37 รองลงมาคือ ขยัน ตั้งใจทำงาน ร้อยละ 50.32
5.การหาเสียงของผู้สมัครในปัจจุบันมีผลต่อการตัดสินใจมาก ร้อยละ 43.54
6.วันนี้ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ที่ชื่นชอบ
อันดับ 1 ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ 39.94%
อันดับ 2 อัศวิน ขวัญเมือง 14.16%
อันดับ 3 สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ 13.37%
อันดับ 4 วิโรจน์ ลักขณาอดิศร 10.00%
อันดับ 5 ศิธา ทิวารี 4.01%
อันดับ 6 สกลธี ภัททิยกุล 3.09%
อันดับ 7 รสนา โตสิตระกูล 1.94%
อันดับ 8 ผู้สมัครอื่น ๆ 1.47%
7.มองว่าคะแนนนิยมจากการทำโพลสำนักต่าง ๆ ไม่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกผู้ว่าฯ กทม. ร้อยละ 64.79
สวนดุสิตโพลสรุปว่า คนกรุงเทพฯ ยังคงให้ความสนใจผู้สมัครอิสระมากกว่าผู้สมัครที่สังกัดพรรคการเมือง โดยเฉพาะ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่คะแนนนำมาอย่างต่อเนื่อง ผลโพลของสวนดุสิตโพลเมื่อธันวาคม 2564 พบว่า คนกรุงเทพฯ จะเลือกผู้สมัครอิสระ ร้อยละ 38.65 และเมื่อเทียบกับผลโพลครั้งนี้ ผู้สมัครอิสระยังคงครองใจคนกรุงเทพฯ ถึงร้อยละ 56.11 ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะผู้สมัครที่สังกัดพรรคการเมืองยังไม่ตรงใจมากนัก
ที่สำคัญในช่วง 9 ปีที่ไม่ได้เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ก็ได้มีกลุ่ม First Time Voter เกือบ 7 แสนคน ซึ่งผลโพลครั้งนี้เป็นคนกลุ่มใหญ่ที่ยังไม่ตัดสินใจ ดังนั้นก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร เพราะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. น่าจะส่งผลต่อภาพใหญ่การเมืองไทยได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามจากผลของสวนดุสิตโพล คนกรุงเทพฯ สนใจจะไปใช้สิทธิเลือกตั้งสูงถึง ร้อยละ 82.20 แต่เมื่อพิจารณาจากการไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เมื่อปี 2556 คาดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่าครั้งที่ผ่านมา แต่ก็ไม่น่าจะถึงร้อยละ 80 โดยสื่อต่าง ๆ จะมีบทบาทมากในการตัดสินใจของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง การสังกัดพรรคการเมืองของผู้สมัครมีผลต่อการตัดสินใจค่อนข้างน้อย
ส่วนการทำงานของผู้ว่าฯ กทม.ที่มาจากผู้สมัครอิสระไม่น่าจะมีผลต่อการทำงานกับ ส.ก. เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต้องทำงานเพื่อประโยชน์สาธารณะของคนกรุงเทพฯ อยู่แล้ว การเลือกตั้งครั้งนี้ค่อนข้างเน้นความเป็นตัวตนของผู้สมัคร โดยสังเกตได้ว่าการที่นายชัชชาติได้เป็นผู้ว่าโพลแทบทุกสำนัก อันเป็นการสะท้อนว่าคนกรุงเทพฯ ต้องการ “Superhero” ที่จะมาแก้ไขปัญหาให้เขาได้ทุกอย่าง ผลโพลที่ออกมาย่อมมีส่วนชี้นำการตัดสินใจของประชาชนอยู่บ้าง ซึ่งท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่ประชาชนจะได้จากการเลือกตั้งครั้งนี้ คือเรื่องจิตสำนึกต่อการมีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตย