"พฤติการณ์เข้าข่ายกระทำผิดวินัยทหาร" เนื้อหาในกฎหมายกำหนดตัวอย่างการกระทำผิดวินัยทหารเอาไว้ 9 ประการ ได้แก่
1.ดื้อ ขัดขืน หลีกเลี่ยง หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเหนือตน
2.ไม่รักษาระเบียบการเคารพระหว่างผู้ใหญ่ผู้น้อย
3.ไม่รักษามรรยาทให้ถูกต้องตามแบบธรรมเนียมของทหาร
4.ก่อให้แตกความสามัคคีในคณะทหาร
5.เกียจคร้าน ละทิ้ง หรือเลินเล่อต่อหน้าที่ราชการ
6.กล่าวคำเท็จ
7.ใช้กิริยาวาจาไม่สมควร หรือประพฤติไม่สมควร
8.ไม่ตักเตือนสั่งสอน หรือลงทัณฑ์ผู้ใต้บังคับบัญชาที่กระทำผิดตามโทษานุโทษ
9.เสพเครื่องดองของเมาจนถึงเสียกิริยา
เมื่อทหารกระทำผิดวินัย ก็จะต้องถูกลงทัณฑ์ ซึ่งทัณฑ์ที่จะลงแก่ผู้กระทำผิดนั้น กำหนดไว้ 5 สถานเท่านั้น คือ
1.ภาคทัณฑ์
2.ทัณฑกรรม
3.กัก
4.ขัง
5.จำขัง
กฎหมายยังได้นิยามความหมายของทัณฑ์แต่ละประเภทเอาไว้ด้วยอย่างชัดเจน ได้แก่
ภาคทัณฑ์ คือ ผู้กระทำผิดมีความผิดอันควรต้องรับทัณฑ์สถานหนึ่งสถานใดใน 5 สถาน แต่มีเหตุอันควรปราณี จึงเป็นแต่แสดงความผิดของผู้นั้นให้ปรากฏ หรือให้ทำทัณฑ์บนไว้
ทัณฑกรรม คือ ให้กระทำการสุขา การโยธา ฯลฯ เพิ่มจากหน้าที่ประจำซึ่งตนจะต้องปฏิบัติอยู่แล้ว หรือปรับให้อยู่เวรยามนอกจากหน้าที่ประจำ
กัก คือ กักตัวไว้ในบริเวณใดบริเวณหนึ่งตามแต่จะกำหนดให้
ขัง คือ ขังในที่ควบคุมแต่เฉพาะคนเดียวหรือรวมกันหลายคนแล้วแต่คำสั่ง
จำขัง คือ ขังโดยส่งไปฝากให้อยู่ในความควบคุมของเรือนจำทหาร
กฎหมายยังบัญญัติไว้อย่างชัดเจนว่า นอกจากทัณฑ์ 5 สถานนี้แล้ว ห้ามมิให้คิดขึ้นใหม่ หรือใช้วิธีลงทัณฑ์อย่างอื่นเป็นอันขาด
"ข่าวข้นคนข่าว" ได้ข้อมูลจากนายทหารในกองทัพว่า การสั่งยึดพื้นหรือวิ่งเพื่อลงโทษนั้น ไม่ใช่การลงทัณฑ์ แต่ถือเป็นการ "ปรับปรุงวินัย" จะใช้กับการทำกระผิดวินัยเล็กน้อย หรือใช้ควบคู่กับโทษทางวินัย 5 สถาน เช่น หากทหารหนีเที่ยว ก็จะเข้าพฤติกรรมผิดวินัยในหัวข้อ "ละทิ้งหน้าที่ราชการ" ก็อาจถูกสั่งลงทัณฑ์สถานใดสถานหนึ่งใน 5 สถาน พร้อมปรับปรุงวินัยไปพร้อมกัน แต่การปรับปรุงวินัย มีท่าพื้นฐานให้ทำได้เพียง 3 ท่าเท่านั้น คือ ยึดพื้น สก๊อตจัมพ์ (หรือลุกนั่ง) และวิ่ง
ส่วนการปรับปรุงวินัยโดยใช้ท่าแปลกๆ นั้น นายทหารจากกองทัพอธิบายว่า บางหน่วยที่เป็นหน่วยรบ หรือหน่วยที่ต้องใช้การฝึกอย่างหนัก อาจเพิ่มท่าการปรับปรุงวินัยนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ได้ เช่น ม้วนหน้า ปั่นจิ้งหรีด หรือ แทงปลาไหล
แต่หลักการก็คือต้องไม่ถูกเนื้อต้องตัวผู้ที่ถูกลงทัณฑ์หรือปรับปรุงวินัย เหตุผลก็เพื่อป้องกันการลุกลามบานปลายจนกลายเป็นการทำร้ายร่างกาย ซึ่งเข้าข่ายผิดกฎหมายอาญาและละเมิดสิทธิมนุษยชน ฉะนั้นการเตะ ต่อย ซ้อม กระทืบ หรือการทรมานแบบใดๆ ก็ตาม ล้วนผิดกฎหมาย ผู้ที่สั่งการย่อมมีความผิดทั้งทางอาญาและวินัย
ส่วนกรณีล่าสุด บังคับให้กินน้ำอสุจิของตนเองผสมน้ำปลานั้น แม้จะไม่ใช่การทำร้ายร่างกาย แต่เข้าข่ายลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ จึงไม่ใช่รูปแบบการลงโทษที่ถูกต้อง และไม่ใช่การปรับปรุงวินัยด้วย
แน่นอนว่าการคิดและสั่งอะไรแผลงๆ จากคนเพียงคนเดียว แม้ไม่ใช่นโยบายของกองทัพ แต่ก็ส่งผลให้ทั้งกองทัพได้รับความเสียหาย ยิ่งในยุคโซเชียลมีเดียแบบนี้ ยิ่งส่งผลสะเทือนร้ายแรง และอาจลุกลามไปเป็นภาพลบของกองทัพ รวมถึงกระแสต่อต้านการเกณฑ์ทหารที่มีอยู่แล้วให้มีน้ำหนักมากขึ้นด้วย