
29 เมษายน 2565 จากกรณีการเสียชีวิตของ นายวิทยา ศุภพรโอภาส เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2565 หลังเข้ารับการผ่าตัดชิ้นเนื้อมะเร็งปอดทั้งสองข้าง ที่โรงพยาบาลบีเอ็นเอช เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2565 นั้น
นายศุภวิทย์ ศุภพรโอภาส ลูกชาย และญาติๆ เปิดเผยวานนี้ (28 เม.ย.) ว่า ต่างติดใจสาเหตุการเสียชีวิตของคุณพ่อ เนื่องจาก นายวิทยา ได้ตรวจรักษาที่โรงพยาบาลบีเอ็นเอช เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัดเป็นอย่างดี และทีมแพทย์ประเมินแล้วว่า ทำการผ่าตัดที่โรงพยาบาลบีเอ็นเอชได้ ซึ่งหลังการผ่าตัดคุณพ่อปลอดภัย สามารถทักทายกับญาติได้ โดยพักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู
แต่ปรากฏว่าคืนวันเดียวกันนั้น คุณพ่อมีอาการวิกฤตจนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ แต่อาการไม่ดีขึ้น จนต้องขอยืมเครื่องพยุงปอดและหัวใจ (ECMO) มาจากโรงพยาบาลจุฬาฯ ซึ่งใช้ระยะเวลาขนย้ายเครื่องมาประมาณ 3 ชั่วโมง ถึงได้ใช้ในการช่วยเหลือชีวิตแต่ก็ต้องย้ายคุณพ่อไปที่ไอซียูของโรงพยาบาลจุฬาฯ ในที่สุด
ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ แพทย์แจ้งว่า คุณพ่ออาการคงที่แล้ว แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ อาจจะไม่ฟื้น และอาจต้องตัดแขนข้างซ้ายออก เนื่องจากในระหว่างการช่วยเหลือ สมองขาดออกซิเจนและเลือดไปเลี้ยงที่แขนซ้ายไม่เพียงพอ โดยแพทย์ได้สรุปเหตุการณ์คร่าวๆ ว่า ในคืนเกิดเหตุ นายวิทยามีอาการหายใจลำบาก ทางไอซียูของโรงพยาบาล BNH ได้ทำการใช้เครื่องช่วยหายใจใส่ให้นายวิทยา แต่เนื่องจากปอดที่ได้รับการผ่าตัดมานั้น ทนแรงดันของเครื่องช่วยหายใจไม่ได้ จึงทำให้ปอดฉีกออก และมีเลือดออกมาก และทำให้ปอดไม่สามารถผลิตออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้เพียงพอ จน 48 ชั่วโมงต่อมา ทางทีมแพทย์ได้ยืนยันว่า คุณพ่อสมองตาย
จากนั้นในวันที่ 18 เมษายน 2565 คุณพ่อก็จากไปอย่างสงบ จึงขอตั้งข้อสังสัยในการเสียชีวิตของคุณพ่อ ดังนี้
(1) การประเมินของทีมแพทย์ผ่าตัด ที่ให้ทำการผ่าตัดปอดทั้งสองข้างพร้อมกันได้ มีความถูกต้อง และได้เตรียมความพร้อมหลังผ่าตัดไว้แค่ไหน
(2) เมื่อการผ่าตัดเสร็จสิ้น และคุณวิทยาฟื้นแล้ว เกิดเหตุการณ์อะไร ที่ทำให้คุณพ่อ อยู่ในภาวะวิกฤตอีก จนถึงขั้นต้องทำการช่วยชีวิต (ทั้งที่ห้องไอซียู ต้องมีผู้ดูแลใกล้ชิด พร้อมอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่ครบถ้วน)
(3) การช่วยชีวิตคุณวิทยาในห้องไอซียูของโรงพยาบาล BNH เป็นอย่างไร (การใช้เครื่องช่วยหายใจ ส่งผลกระทบต่อปอดที่ทำการผ่าตัด จนปอดฉีก มีเลือดออก ถูกต้อง หรือสมควรหรือไม่) ทำให้สมองคุณพ่อขาดออกซิเจน จนถึงขั้นวิกฤตหรือไม่
(4) เมื่อคุณพ่ออาการวิกฤตแล้ว และต้องใช้เครื่องพยุงปอดและหัวใจ (ECMO) แต่โรงพยาบาล BNH ต้องขอยืมและขนย้ายเครื่อง ECMO มาจากโรงพยาบาลจุฬาฯ โดยใช้ระยะเวลา ประมาณ 3 ชั่วโมง เหตุใดจึงไม่มีการเตรียม เครื่อง ECMO ไว้ที่ โรงพยาบาล BNH ตั้งแต่แรก และเครื่อง ECMO มาถึงช้าเกินไปหรือไม่ เพราะอะไร จึงต้องรอเครื่อง ECMO ถึง 3 ชั่วโมง และเมื่อเครื่อง ECMO มาถึงแล้ว ทำไมต้องย้ายคุณพ่อไปที่โรงพยาบาลจุฬาฯ อีก
หากไม่มีเครื่อง ECMO ที่โรงพยาบาล BNH ตั้งแต่แรก ควรทำการผ่าตัดคุณพ่อหรือไม่ หลังคุณพ่อเสียชีวิต ทางโรงพยาบาล BNH ได้เรียกทางครอบครัวเข้าไปพูดคุยและแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ปฏิเสธความรับผิดชอบทั้งหมด โดยแจ้งว่า ทางโรงพยาบาล BNH ได้ทำตามขั้นตอนและมาตรฐานต่าง ๆ แล้ว
แต่นายศุภวิทย์ และญาติ ต่างติดใจการเสียชีวิตของนายวิทยา จึงได้ให้แพทย์ทำการชันสูตรร่างของนายวิทยา เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง และพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป