svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

"หมอดื้อ" ส่งโพสต์ “โรคสมองเสื่อมชนิดติดต่อได้” บทความดีๆ ที่คนไทยควรอ่าน

"หมอดื้อ" ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะ “โรคสมองเสื่อมชนิด ติดต่อได้” อีกหนึ่งบทความดีๆ สาระความรู้ที่เชื่อว่าคนไทยทุกคนไม่ควรพลาด

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หรือ "หมอดื้อ" ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha เกี่ยวกับประเด็น "โรคสมองเสื่อมชนิด ติดต่อได้" ได้อย่างน่าสนใจ โดยระบุว่า

 

: ปฐมบทจาก คูรู วัวบ้า มาถึงอัลไซเมอร์

โดย หมอดื้อ 

 

\"หมอดื้อ\" ส่งโพสต์ “โรคสมองเสื่อมชนิดติดต่อได้” บทความดีๆ ที่คนไทยควรอ่าน

โรคสมองเสื่อม จัดเป็นโรคที่มีการอักเสบในสมองและการอักเสบนอกสมองเป็นตัวจุดประกายและทำให้โรคพัฒนาไปเร็วขึ้น ดังนั้นจัดเป็นสมองอักเสบชนิดหนึ่งที่ไม่มีเซลล์อักเสบแทรกตัวให้เห็น (neuroinflammatory disease) และไม่ถือว่าเป็นความเสื่อมเฉยๆแบบดั้งเดิม (neurodegenerative disease) ทั้งนี้ด้วยมีความไม่สมดุลระหว่าง ปริมาณและรูปแบบของโปรตีน (proteostasis) ทำให้เกิดโรคสมองเสื่อม (Neuroproteinopathy)

 

หมอดื้อ ได้มีโอกาสเรียนกับผู้ที่ทำเรื่องนี้คือศาสตราจารย์ นพ.ริชาร์ด จอห์นสัน (Richard T Johnson) และยังได้พบกับเพื่อนสนิทท่าน ดร.คาร์ลีตัน การซ์ดูเซก (Carleton Gajdusek) ที่ได้รับรางวัลโนเบล จากการค้นพบโรคคูรู (Kuru) และพิสูจน์ว่าสามารถ ติดต่อได้ในลิง

คูรู เป็นชื่อโรค และตามภาษาพื้นเมืองของชนเผ่าโฟร์ ปาปัวนิวกินี หมายถึง อาการสั่นสะท้านจากไข้หรือหนาวซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงอาการของผู้ป่วยที่มีอาการสั่นกระตุกเกร็ง การทรงตัวผิดปกติ ไม่สามารถก้าวเดินด้วยตัวเอง ได้จนกระทั่งในที่สุดนอนติดเตียงและมีอาการควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เช่น หัวเราะหยุดไม่ได้ (pseudubulbar palsy) และมีบันทึกก่อนหน้านี้ตั้งแต่ประมาณปี 1900 ในพื้นที่ต่างๆ ที่อยู่ไม่ห่างไกลกันนัก จนกระทั่งมากระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว

จากรายงานของ ดร.Gajdusek และ Zigas ในปี 1957 เป็นการค้นพบที่สำคัญและพิสูจน์ในระยะต่อมาว่าสามารถติดต่อได้ ทั้งนี้ เนื่องด้วยจากประเพณีของการกินศพแทบทุกส่วนยกเว้นถุงน้ำดี (นัยว่ามีรสชาติขมเกินไป) ของญาติมิตรที่เสียชีวิต (Endocannibalism) ซึ่งแตกต่างจากการกินศพของศัตรู (exocannibalism)

 

ทั้งนี้ ผู้หญิงและเด็กจะเป็นผู้ปฏิบัติการโดยการตัดมือและเท้าออก หลังจากนั้นจะทำการเลาะเปิดกล้ามเนื้อ และต่อมาทำการเปิดกะโหลกเพื่อเก็บเนื้อสมอง ดังนั้น เนื้อ เครื่องในและสมองจะถูกเก็บกินหมด รวมกระทั่งถึงไขกระดูกจะถูกดูดออกมากิน ส่วนตัวกระดูกนั้นบางครั้งเอามาป่น และต้มกินกับผัก

 

มีการพยายามสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุการเกิดโรคตั้งแต่ปี 1951 และในท้ายสุด ดร. Gajdusek สรุปว่าการติดเชื้อสามารถผ่านได้จากการที่เนื้อสมองปะปนเข้าทางเยื่อบุตา ผิวหนังที่มีแผลและการกิน และปรากฏในบทหนึ่งของตำราไวรัสวิทยาที่ดร.Gajdusek เขียนเกี่ยวกับเรื่องคูรูในเวลาต่อมา

 

ในระยะแรกนั้น คณะผู้ทำงานทั้งหมดยังคงเชื่อว่าเกิดขึ้นจากไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคช้าๆ (slow virus) แต่น่าประหลาดตรงที่ว่าเมื่อตรวจสมองจะพบว่ามีช่อง (vacuole) ในเซลล์สมองเหมือนกับที่พบในแกะ ที่มีอาการคล้ายคลึงกันคือมีอาการคัน สั่น และมีอาการทางสมอง เรียกว่า โรค scrapie และไม่ได้มีลักษณะของการอักเสบที่มีเซลล์อักเสบแทรกเข้าไปในเนื้อสมองเหมือนกับที่เจอในโรคสมองอักเสบทั่วไป นอกจากนั้นมีลักษณะอื่นๆที่เรียกว่าเป็นการกระจุกตัวของโปรตีนอมิลอยด์ ร่วมกับความเปลี่ยนแปลงอื่นๆของเซลล์สมองและเซลล์ประกอบอื่นๆ

 

การที่เรียกว่าเป็น slow virus เนื่องจากจะมีระยะเวลาก่อนที่จะเกิดโรคเป็นปีอาจจะยาวนานตั้งแต่ 3 ปี ถึง 6 ปี ไปจนกระทั่ง 10 ถึง 14 ปี และเมื่อเกิดโรคแล้วกว่าจะเสียชีวิตก็เป็นเดือนถึงเป็นปี

การทดลองต่อมาพิสูจน์ว่า เนื้อสมองจากคนป่วยที่เป็นโรคสามารถถ่ายทอดไปยังสัตว์ในตระกูลลิงและยังรวมไปถึงแพะ หนู กินนีพิค เกอร์เบิล แฮมสเตอร์ เฟอเร็ท มิ้งค์ โดยที่มีระยะฟักตัวต่างๆกัน ทำให้ ดร.Gajdusek ได้รับรางวัลโนเบลในปี 1976

 

ในระยะต้นมีการเปรียบเทียบโรคคูรูกับโรคทางสมองที่ค่อยๆเป็นทีละน้อยที่เรียกว่า CJD (Creutzfeldt-Jakob disease) แต่อาการไม่เหมือนกันนัก โดยที่คูรูอาการเด่นเป็นเรื่องของการเคลื่อนไหว ทรงตัว แต่ใน CJD เป็นเรื่องความจำผิดปกติก่อน แต่ในที่สุดก็มีความเชื่อมโยงกับ CJD ที่เกิดจากกรรมพันธุ์ โดยมีรหัสพันธุกรรมที่ควบคุมการสร้างโปรตีนพรีออน (prion) แปรเปลี่ยนไป และนอกจากนั้นอาการและอาการแสดง ความเร็วช้าของการดำเนินโรค ยังถูกควบคุมด้วยรหัสพันธุกรรมในตำแหน่งจำเพาะที่ 129 (codon 129) และด้วยชนิดของโปรตีน (prion strain) อีกด้วย

 

ในปี 1997 ดร.Stanley Prusiner ได้รับรางวัลโนเบลจากการที่พิสูจน์ว่าโรคทั้งหลายที่ได้กล่าวไปทั้งหมดเกิดขึ้นจากโปรตีนที่ติดต่อได้เรียกว่า Prion โดยมาจากคำว่า PRotein และ infectION และเป็นรูปแบบของโปรตีนที่มีเกลียวผิดปกติหรือ misfolded protein และสามารถทนต่อการทำลายได้ทุกชนิดไม่ว่าจะด้วยสารเคมี ความร้อนที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ยกเว้นแต่การให้ความร้อนสูงในแรงอัดมากขึ้น จะทำให้ความสามารถในการติดต่อลดลง โรคโปรตีนบิดเกลียวนี้เป็นแกนกลางในการอธิบายการเกิดโรคสมองเสื่อมทุกชนิดตั้งแต่อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน และแม้แต่โรคไขสันหลังฝ่อ (ALS หรือ motor neuron disease)

 

จากปฐมบทของคูรู ในเวลาต่อมาทำให้สามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างชัดเจนกับโรค CJD ทั้งชนิดที่เกิดแบบกรรมพันธุ์และแบบที่เกิดขึ้นเอง (sporadic) และพ้องกับโรคที่เกิดในแกะ ลา กวาง จนกระทั่งเมื่อเกิดระบาดสะท้านโลก นั่นก็คือโรควัวบ้า ในประเทศอังกฤษ โดยเริ่มตั้งแต่ปี 1986 และอีก 10 ปีต่อมาคือในปี 1996 จึงเกิดโรควัวบ้าในคน ที่เรียกว่า variant CJD ที่ติดต่อโดยการกินเนื้อที่ปนเปื้อนด้วยเศษของเส้นประสาทหรือการกินเนื้อบด ไส้กรอก ที่ทำจากส่วนต่างๆ รวมกระทั่งถึงอวัยวะภายในที่มีใยเส้นประสาทปนอยู่

 

 

\"หมอดื้อ\" ส่งโพสต์ “โรคสมองเสื่อมชนิดติดต่อได้” บทความดีๆ ที่คนไทยควรอ่าน

การเกิดวัวบ้าในวัวนั้น อธิบายจากการที่เอาเนื้อของแกะและกระดูกมาบดป่น โดยการให้ความร้อนแต่เนื่องจากต้องการประหยัดจึงลดความร้อนลงและเอามาให้วัวกิน โดยปกติโรคพรีออนจะไม่สามารถติดต่อผ่านสิ่งมีชีวิต จากตระกูลหนึ่งไปยังอีกตระกูล เนื่องจากมีมาตร- การป้องกันธรรมชาติ (species barrier) แต่ถ้าเมื่อใดที่โปรตีนติดเชื้อมีปริมาณสูงก็จะสามารถทำลายปราการป้องกันนี้ได้

 

ความเหมือนของโรควัวบ้าที่เกิดในวัวและเกิดในคนอยู่ที่เกิดจากการกินเหมือนกับในโรคคูรู และดังนั้นทำให้มีกระบวนการเกิดโรคร่วม กระทั่งถึงความเปลี่ยนแปลงในเนื้อสมองมีความคล้ายคลึงกันหลายประการ และการกระจุกตัวของโปรตีนติดเชื้อนี้ในโรควัวบ้าในคน สามารถตรวจพบได้ที่ต่อมทอนซิล กระทั่งถึงที่ไส้ติ่งซึ่งเป็นทางผ่านของโปรตีนติดเชื้อนี้จากการกินเข้าไปและเข้าไปสะสมอยู่ในเนื้อเยื่อที่สร้างภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร จากนั้นส่งต่อไปยังเส้นประสาทและเข้าไปยังสมอง ซึ่งก็จะมีการกระจายตัวไปตามใยประสาทไปสู่ส่วนต่างๆของสมอง และทำให้มีอาการผิดปกติ ขึ้นอยู่กับว่าสมองส่วนใดเริ่มมีการถูกทำลายก่อนหลังตามลำดับ

 

จากความสามารถในการติดต่อนี่เองทำให้เนื้อเยื่อของระบบประสาทแม้กระทั่งเยื่อหุ้มสมอง เมื่อนำมาใช้เป็นส่วนของการรักษาโรคกลับทำให้คนที่ได้รับกลายเป็นโรค CJD

 

และที่อาจจะทำให้ต้องเกิดความตระหนักไปมากกว่านั้นก็คือ การปะปนปนเปื้อนเครื่องมือผ่าตัดด้วยเนื้อเยื่อสมอง หรือใช้เยื่อหุ้มสมองที่มีโปรตีนบิดเกลียวอมิลอยด์ ในโรคอัลไซเมอร์ก็ทำให้ผู้รับเกิดโรคเช่นกัน โดยที่มีการสะสมตัวของโปรตีนนี้ที่ผนังของเส้นเลือดและทำให้เส้นเลือดบางและเกิดแตกเป็นกระจุก หรือตกเลือดเป็นก้อนใหญ่

 

ที่ หมอดื้อ จะสรุปในบทนี้ก็คือ โรคต่างๆ ของสมองหลายโรคด้วยกัน มีชื่อต่างๆ กันแต่มีรากฐานเหมือนกันจากโปรตีนบิดเกลียว และสามารถถ่ายทอดติดต่อได้

 

อย่างไรก็ตาม ความสำคัญของการติดต่อจากเครื่องมือผ่าตัด ถึงแม้ว่าจะเกิดขึ้นได้จริง แต่โอกาสที่จะเกิดขึ้นน่าจะน้อยมาก โดยที่ในปัจจุบันมีความพยายามที่จะขจัดการปนเปื้อนออกให้ได้มากที่สุด

 

ในกรณีถ้าเป็นโรค CJD หรือวัวบ้า การที่จะนำอวัยวะหรือเนื้อเยื่อมาปลูกถ่ายให้ผู้อื่นคงจะระวังป้องกันได้ แต่ในกรณีที่เป็นโรคสมองเสื่อมธรรมดา ซึ่งถ้าอาการอาจจะไม่มากนัก ก็อาจจะมีความยากลำบากในการเลือกผู้ให้อวัยวะ

 

ดังนั้นการผ่าตัดอะไรต่างๆ ที่ไม่มีความจำเป็นที่เกี่ยวข้องกับสมองและกระดูกสันหลังอาจจะต้องพิจารณาให้ดีแม้ว่าโอกาสจะน้อยยิ่งกว่าน้อยก็ตาม...ด้วยความเป็นห่วงนะครับ

\"หมอดื้อ\" ส่งโพสต์ “โรคสมองเสื่อมชนิดติดต่อได้” บทความดีๆ ที่คนไทยควรอ่าน

...

นอกจากนี้ ยังมีอีกอีกหนึ่งโพสต์ ที่น่าสนใจ คอข่าว แฟนข่าวหมอดื้อ ติดตามชมได้ ที่นี่

สมองเสื่อม รู้ก่อน หรือเป็นแล้ว ช่วยกันชะลอได้

2022 วิทยาการก้าวหน้าขึ้นอีกมากๆ มากกว่า สมัยนั้น

https://youtu.be/8KmsCfRVUAY

 

ขอขอบคุณที่มาเพจ : ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha