ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT โพสต์เฟซบุ๊ก Mana Nimitmongkol หัวข้อเรื่อง กทม. ไม่ปราบคอร์รัปชันแล้วจะพัฒนาได้อย่างไร? โดยมีเนื้อหา ดังนี้
เหนื่อยใจที่เห็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร พูดแต่เรื่องความสุขสบายอยู่ดีกินดี ถึงวันนี้มีผู้สมัครฯ เพียงสองท่านที่เข้าใจปัญหา กล้าประกาศนโยบายว่า หากตนได้เป็นผู้ว่าฯ แล้วจะแก้ปัญหาคอร์รัปชันของมหานครแห่งนี้อย่างไร
คอร์รัปชันใน กทม. ไม่ต่างจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วไป แต่หนักและซับซ้อนกว่าเพราะที่นี่มีงบประมาณมากถึง 8 หมื่นล้านบาทต่อปี มีผลประโยชน์จากการให้เอกชนเช่าที่ดิน - ทรัพย์สิน และให้สัมปทานจำนวนมาก ที่สำคัญยังมีอำนาจในการออกใบอนุญาตอนุมัติหลายร้อยเรื่อง ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เกิดคอร์รัปชันทั้งในส่วนกลางและสำนักงานเขต จากฝีมือของนักการเมืองและข้าราชการจำนวนมากตั้งแต่ระดับบริหารไล่ลงไปจนระดับปฏิบัติการ
ACT ได้สำรวจความคิดเห็นประชาชนพบว่า วันนี้ กทม. จำเป็นต้องได้รับการบริหารจัดการที่ดีโดยมืออาชีพ เพื่อให้เกิดการบริการ การดูแลและการพัฒนาไปในทิศทางที่ถูกต้อง มีคุณภาพ กล่าวคือ
ความปลอดภัย คือ ทางเท้าปลอดภัย สัญญาณไฟเพื่อข้ามถนนปลอดภัย มั่นใจเมื่อใช้บริการสถานที่สาธารณะจากอัคคีภัย โจรกรรม ปลอดภัยจากป้ายโฆษณาเถื่อนที่เกะกะ น่าอันตราย
คุณภาพชีวิต คือ การเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนที่ดี สวนสาธารณะ โรงพยาบาลและการดูแลด้านอนามัยชุมชนและแหล่งบริการ ไฟแสงสว่างตามทางสาธารณะ แก้ปัญหาน้ำเน่า - น้ำท่วม
คือเมื่อประชาชนไปใช้บริการ ต้องได้รับบริการโดยเท่าเทียมกัน สะดวกรวดเร็ว ไม่เรียกร้องสินบนเงินใต้โต๊ะ ไม่สร้างภาระ จนประชาชนเสียโอกาสทำมาหาเลี้ยงชีพ
แต่ในชีวิตจริง ชาว กทม. ยังต้องอดทนกับสภาพรถติด รถเมล์แย่ ทางเท้าพังและถูกรุกล้ำ ปัญหาฝุ่นละอองในอากาศ รถไฟฟ้าค่าโดยสารแพงและมีจำนวนน้อยในช่วงเร่งด่วน ประชาชนคนค้าขายถูกรีดไถ การพัฒนา กทม. ไปต่อไม่ได้ คุณภาพชีวิตและความปลอดภัยของประชาชนแย่ลง เพราะงบประมาณถูกใช้อย่างไม่คุ้มค่าและสูญเสียไปจำนวนมากจากคอร์รัปชัน เจ้าหน้าที่รัฐจำนวนมากใช้เวลาและศักยภาพของหน่วยงานไปกับการหาผลประโยชน์เพื่อตัวเองและส่งส่วยให้เจ้านาย
1. รีดไถประชาชน พ่อค้าแม่ค้า นักธุรกิจ เช่น รีดไถค่าออกใบอนุญาตอนุมัติในการสร้างและต่อเติมบ้าน - อาคาร – ร้านค้า - อาคารพาณิชย์ - หมู่บ้านจัดสรร - คอนโด
2. เรียกรับส่วยสินบนจากผู้ประกอบการแลกกับการทำผิดหรือจ่ายภาษีเข้ารัฐน้อยลง เช่น เรียกเงินใต้โต๊ะจากคนค้าขายแลกกับการจ่ายภาษีป้าย ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างต่ำกว่าเป็นจริง
3. โกงเงินหลวงในการจัดซื้อจัดจ้างและการให้สิทธิ์ สัมปทานแก่เอกชน เช่น คดีรถและเรือดับเพลิง กรณีอุโมงค์ไฟลานคนเมือง 39 ล้านบาท กรณีอื้อฉาว เช่น สัมปทานรถไฟฟ้า ค่าดูแลสวนสาธารณะ การจัดอีเว้นท์โดยส่วนกลางหรือสำนักงานเขต
4. ใช้อำนาจในทางมิชอบ เช่น กรณีปล่อยให้มีตลาดนัดเถื่อน เช่น กรณีป้าทุบรถที่เขตสวนหลวง คดีลักลอบทิ้งขยะที่ศูนย์กำจัดขยะหนองแขม กรณีปล่อยให้เอกชนสร้างคอนโดหรูแต่เปิดใช้ไม่ได้ ที่ซอยอโศกและซอยร่วมฤดี
จากการสำรวจ พบว่ามีวิธีการทำงานของ กทม. หลายอย่างที่ไม่โปร่งใส เปิดโอกาสให้เกิดคอร์รัปชันได้ง่าย เช่น
- ในหนึ่งโครงการ มีทั้งที่จัดซื้อโดยส่วนกลาง สำนักงานเขตและที่หน่วยงานเอง วิธีการใช้เงินก็แปลกคือ ใช้ทั้งงบประมาณประจำปีและงบกลาง ทำให้ไม่ปรากฏในแผนงานหรืองบประมาณประจำปีที่ต้องเสนอต่อ สภา กทม.
- การจัดซื้อจำนวนมากตรวจไม่พบในระบบ GF-MIS ของกรมบัญชีกลาง
- มีการบันทึกรายการจัดซื้อเป็นชื่อหน่วยงาน แทนที่จะเป็นชื่อโครงการและแสดงรายการที่จัดซื้อ
- การตั้ง “ชื่อโครงการ” ที่จัดซื้อมีความหลากหลายหรือตั้งแบบครอบจักรวาลแต่ขาดรายละเอียด เช่น “การปรับปรุงภูมิทัศน์” ทำให้ยากต่อการจัดหมวดหมู่และการตรวจสอบ
ในช่วงเวลาที่นักการเมืองกำลังประกาศนโยบายหาเสียง ผมขอเชิญชวนชาว กทม. นักวิชาการและสื่อมวลชนให้ช่วยกันวิเคราะห์วิจารณ์ด้วยว่า บรรดานโยบายที่เขาคุยว่า จะทำให้ “กทม. พัฒนาไปในทิศทางที่ถูกต้อง มีคุณภาพ ปลอดภัยและสะดวกสบาย” จะเป็นจริงไปได้อย่างไร! หากไม่ชี้ว่าจะใช้วิธีใดปราบคอร์รัปชันที่ฉุดรั้งการพัฒนาและสร้างความไม่ปลอดภัยให้กับคน กทม.
การเลือกตั้งในเมืองหลวงของประเทศ หากยังเน้นขายฝันเช่นวันนี้ก็อย่าหวังให้ประเทศไทยปลอดคอร์รัปชันได้เลย...ขอบ่นดังๆ ว่าเหนื่อยใจครับ