
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 8 เมษายน 2565 ศูนย์ช่างตวงวัดภาคเหนือ (เชียงใหม่) ร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงบรรจุแก๊ส ร้านจำหน่ายแก๊ส และสถานีบริการแก๊ส LPG ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของน้ำหนัก และราคา เพื่อป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาในช่วงเทศกาลสงกรานต์
นายคมเพชร สำลีเติมศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ชั่งตวงวัดภาคเหนือ(เชียงใหม่) เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อต้องการตรวจวัดความถูกต้องของปริมาณแก๊สที่บรรจุลงในถังตรงตามที่ระบุหรือไม่ โดยวันนี้จะทำการตรวจ 3 แห่งด้วยกันคือโรงบรรจุแก๊ส ร้านค้าจำหน่ายแก๊ส และสถานีบริการแก๊ส LPG จากการตรวจในวันนี้ไม่พบสิ่งผิดปกติ ทั้งนี้หากตรวจพบความผิดปกติ จะมีบทลงโทษ หากเป็นโรงบรรจุแก๊ส ที่กระทำความผิด บรรจุแก๊สลงถังไม่ตรงกับจำนวนที่ระบุไว้ จะมีโทษจำคุก 1 ปี หรือปรับไม่เกิน40,000 บาท ส่วนหากเป็นร้านค้าปลีกจะมีโทษจำคุก6 เดือน ปรับไม่เกิน 20,000 บาท
นางภูษณิศ ไชยมณี หัวหน้ากลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สาเหตุที่ลงพื้นที่มาตรวจในครั้งนี้ เนื่องจากมีการประกาศปรับราคาแก๊ส โดยจำหนดปรับขึ้น 3 รอบในเดือน เมษายน , พฤษภาคม, และ มิถุนายน กิโลกรัมละ 1 บาท โดยราคาถังแก๊สขนาด15 กิโลกรัมปรับเพิ่มขึ้น 15 บาท ทั้งนี้ยังไม่รวมค่าขนส่งและภาษีมูลค่าเพิ่ม ขอให้ผู้บริโภคช่วยตรวจสอบว่าร้านค้าปลีกมีการปิดป้ายราคาแก๊สไว้ชัดเจนหรือไม่ เนื่องจากราคาแก๊สไม่ได้มีการควบคุมราคาอย่างชัดเจนแต่มีการควบคุมด้วยการให้ปิดป้ายแสดงราคา ซึ่งต้องระบุให้ชัดเจนว่ามีค่าขนส่งเพิ่มเติมหรือไม่ โดยปกติร้านค้าปลีกจะมีการบวกเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ส่วนที่โรงบรรจุปกติจะไม่มีการบวกเพิ่มค่าขนส่งเนื่องจากร้านค้าปลีกจะนำรถมาเปลี่ยนถ่ายถังเองที่โรงบรรจุ
ด้านนางพนิดา วานิชรัตน์ พาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า หลังจากที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน มีมติเห็นชอบให้ทยอยปรับขึ้นราคา LPG 3 ครั้ง โดยปรับขึ้นเดือนละ 1 บาทต่อกิโลกรัม เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน 2565 เป็นต้นไป จึงได้เข้ามาดูในเรื่องของการจำหน่ายและการปรับราคาขึ้นของแก๊ส ทั้งในระบบค้าส่ง และ ค้าปลีก ว่าเป็นไปตามที่กำหนดไว้หรือไม่ ขณะเดียวกันทางศูนย์ชั่งตวงวัด ได้เข้ามาตรวจสอบมาตรฐานการบรรจุว่าน้ำหนักได้ตามที่ระบุไว้หรือไม่ ผลการตรวจเป็นไปตามที่ประกาศขึ้นราคา และไม่พบความผิดปกติ
ขณะที่นายเชาวรัตน์ เวศม์ภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออร์คิดแก๊ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้ทางโรงบรรจุแก๊สของบริษัทได้ทำการปรับราคาแก๊สขึ้นตามมติของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน ที่กำหนดขึ้นราคากิโลกรัมละ 1 บาท ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2565 หลังจากนั้นจะปรับเพิ่มขึ้นอีก กิโลกรัมละ 1 บาทในเดือน พฤษภาคม และ มิถุนายน 2565 ตามลำดับ
การปรับราคาขึ้นคาดว่าจะกระทบต่อผู้บริโภคอย่างแน่นอน แต่เนื่องจาก ราคาเพิ่มเริ่มปรับขึ้นเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2565 จึงยังไม่เห็นผลกระทบมากนัก ต้องรอประมาณ 3 เดือน ที่ราคาแก๊สจะปรับเพิ่มขึ้นรวมเป็นกิโลกรัมละ 3 บาท จะเริ่มเห็นผลกระทบชัดเจนมากขึ้น โดยคาดว่าเมื่อถึงช่วงเวลานั้น ยอดจำหน่ายอาจจะลดลงบ้างเล็กน้อย เนื่องจากทุกคนคงจะต้องประหยัดมากขึ้น
สำหรับถังบรรจุแก๊สที่ทางบริษัทจำหน่ายให้กับผู้ค้าปลีกมีอยู่ด้วยกัน 5 ขนาด คือ ขนาด 1 กิโลกรัม จำหน่ายราคาส่งที่ 30 บาท จำหน่ายปลีกที่ 40 บาท ,ขนาด 4 กิโลกรัม จำหน่ายส่งราคา 99 บาท จำหน่ายปลีก 130 บาท, ขนาด 7 กิโลกรัม ราคาส่ง 177 บาท ราคาปลีก 185 บาท, ขนาด 15 กิโลกรัม ราคาส่ง 318 บาท ราคาปลีก 359 บาท และ ขนาด 48 กิโลกรัมราคาส่ง 999 บาท ราคาปลีก 1,050 บาท โดยในแต่ละเดือนจะทำการบรรจุแก๊สเพื่อการจำหน่ายเดือนละประมาณ 500 ตัน
ด้านนายชัยรัตน์ สุรวิชัย ร้านช้างเผือกแก๊ส กล่าวว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ของที่ร้านจะเป็นกลุ่มร้านอาหาร เนื่องจากร้านตั้งอยู่ใกล้กับสถาบันการศึกษา และตลาดสด ซึ่งการขึ้นราคาแก๊สในครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการอย่างแน่นอน โดยจะเห็นชัดเจนมากขึ้นหลังจากที่ปรับเพิ่มขึ้นครบ 3 เดือน ซึ่งขนาดถังที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือขนาด 15 กิโลกรัม หากขึ้นเดือนละ 15 บาท 3 เดือน รวม 45 บาท เชื่อว่าเมื่อถึงเวลานั้นปริมาณการสั่งจะลดน้อยลง
ซึ่งก่อนหน้านี้ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างหนัก ร้านเคยมีลูกค้ากลุ่มโรงแรม และ ร้านอาหาร เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อลูกค้าได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไม่มีนักท่องเที่ยวเข้าใช้บริการหลายแห่งต้องหยุดการให้บริการไปก่อน ทำให้ร้านได้รับผลกระทบตามไปด้วยยอดส่งแก๊สลดลงไปประมาณร้อยละ 50
ปัจจุบันราคาจำหน่ายของที่ร้านแก๊สขนาด 4 กิโลกรัม ราคา 162 บาท ขนาด7 กิโลกรัม ราคา255 บาท ขนาด 15 กิโลกรัม 380 บาท ขนาด 48 กิโลกรัม 1,168 บาท โดยคิดค่าขนส่งในราคา 5 บาท
น.ส.นาถยา ผาบพิชวงศ์ เจ้าหน้าที่ธุรการ บริษัทเชียงใหม่แก๊สดี จำกัด ผู้ให้บริการสถานีบริการแก๊สLPG สยามแก๊ส กล่าวว่า ช่วงนี้มีรถยนต์เข้ามาใช้บริการประมาณ 5-10 คันเท่านั้น จากเดิมที่เคยมีเข้ามาใช้บริการปริมาณ 10-20 คัน อย่างไรก็ตามเชื่อว่าลูกค้าจะไม่ลดไปมากกว่านี้ เนื่องจากเมื่อเปรียบเทียมราคาแก๊สยังถูกกว่าราคาน้ำมัน จึงประหยัดกว่าใช้น้ำมันแน่นอน ซึ่งราคาแก๊ส LPG ปัจจุบันอยู่ที่ลิตรละ 14.47 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 54 สตางค์ มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2565 และจะมีการปรับเพิ่มขึ้นอีก 2 ครั้งหลังจากนี้ ในเดือน พฤษภาคม และ มิถุนายน 2565
อย่างไรก็ตามช่วงนี้ ผู้ใช้รถเริ่มให้ความสนใจหันไปใช้รถพลังงานไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ทำให้การใช้แก๊สLPG จะไม่เพิ่มไปมากกว่านี้ แม้ว่าราคา LPG จะถูกกว่าราคาน้ำมันก็ตาม แนวโน้ม LPG ไม่น่าจะเป็นธุรกิจที่ส่งผลดีมากนัก ยิ่งถ้ารัฐบาลให้การสนับสนุนการนำเข้ารถไฟฟ้า จะส่งผลกระทบต่อสถานีบริการLPG อย่างแน่นอน
ทั้งนี้บริษัทมีแนวคิดที่จะปรับเปลี่ยนจากสถานีบริการ LPG มาเป็นสถานีชาร์จรถไฟฟ้า แต่ทั้งนี้ต้องรอดูการสนับสนุนของรัฐบาลเกี่ยวกับภาษีนำเข้ารถไฟฟ้า ที่ยังมีไม่มากพอที่จะทำให้คนหันไปใช้รถไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจในช่วงนี้ยังไม่ดีพอที่จะตัดสินใจลงทุนปรับเปลี่ยนการดำเนินงาน
ข่าว/ภาพ: นิศานาถ กังวาลวงศ์ ศูนย์ข่าวเนชั่นภาคเหนือ