ข้อมูลล่าสุด เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา ระบุว่า เจอ แจก จบ มีคนป่วย เข้ารับบริการเกือบ 7 แสน บุคลการการแพทย์พอใจอย่างมาก หลังพบลด ภาระงานที่ไม่จำเป็น พร้อมเตรียมขยายบริการเพิ่มในทั่วประเทศ
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า สำหรับการรักษาผู้ป่วยนอกและแยกกักตัวที่บ้าน หรือ ‘เจอ แจก จบ’ ตั้งแต่วันที่ 1-24 มี.ค. มีผู้ป่วยเข้ารับบริการสะสม 6.5 แสนราย เฉลี่ยวันละ 2.7 หมื่นราย โดยในกรุงเทพ มีบริการผู้ป่วยวันละ 1 หมื่นราย ยอดบริการสะสม 6.5 หมื่นราย หรือวันละ 2.8 พันราย มีสถานพยาบาลเข้าร่วม 901 แห่ง ให้บริการวันละ 1 แสนรายทั่วประเทศ
มีความคืบหน้า สำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและเป็นกลุ่มที่ไม่มีอาการหรือมีอาการไม่รุนแรงมากนัก จัดอยู่ใน “กลุ่มผู้ป่วยโควิดสีเขียว” สามารถเข้ารับการรักษาฟรีในโรงพยาบาลตามสิทธิ หรือสามารถวอล์ค อิน Walk in มาที่ศูนย์บริการสาธารณสุข ทั้ง 69 แห่ง ในพื้นที่กรุงเทพมหานครได้ โดยศูนย์ฯทั้งหมดได้ให้บริการ “เจอ แจก จบ” สำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่เวลา 08.00 – 16.00 น.
สำหรับขั้นตอนของผู้ติดเชื้อโควิด -19 ติดต่อที่ศูนย์ฯ 69 แห่ง มีรายละเอียดดังนี้
1.ยื่นบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมแสดงผลตรวจ ATK ที่เป็นบวก
2.สามารถรับการรักษาได้ที่จุดบริการ โดยพยาบาลจะสอบถามข้อมูลเพื่อคัดกรองอาการและความเสี่ยงเบื้องต้น
3.หลังจากนั้นแพทย์ให้การรักษา จัดยา พร้อมให้คำแนะนำ
4.เมื่อครบ 48 ชั่วโมงจะมีเจ้าหน้าที่สอบถามอาการ หากมีอาการเปลี่ยนแปลงจะส่งต่อเข้ารับการรักษาตามขั้นตอนต่อไป
แนะนำวิธีการใช้สิทธิ
1. สิทธิบัตรทอง ไปหน่วยบริการตามสิทธิก่อนหรือหน่วยบริการในระบบสปสช.ใกล้บ้านได้ทุกแห่ง ตามนโยบายยกระดับบัตรทอง สามารถเข้ารับบริการในระบบบริการปฐมภูมิที่ไหนก็ได้ทั่วประเทศ
ตัวอย่าง หน่วยบริการปฐมภูมิใกล้บ้านไปรับบริการได้ทุกแห่ง เช่น สถานีอนามัย,รพ.ส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.), หน่วยบริการปฐมภูมิของโรงพยาบาล, ศูนย์สุขภาพชุมชน ศูนย์บริการสาธารณสุข รวมถึง คลินิกชุมชนอบอุ่น เป็นต้น
2. สิทธิประกันสังคม ไปโรงพยาบาลที่ท่านได้ลงทะเบียนเลือกไว้ หรือสถานพยาบาลรัฐและเอกชนในระบบประกันสังคมทุกแห่ง สอบถามเพิ่มเติม สายด่วน 1506/ประกันสังคมเขตพื้นที่
3. สิทธิข้าราชการ ไปสถานพยาบาลภาครัฐทุกแห่ง สอบถามเพิ่มเติมสายด่วนกรมบัญชีกลาง ที่ หมายเลข 02-2706400
4.ชาวต่างชาติ/สิทธิอื่น แนะนำเจอ แจกจบ หรือติดต่อสถานพยาบาลภาครัฐใกล้บ้าน
ตรวจสอบรายชื่อศูนย์บริการสาธารณสุข ที่ตั้ง และเบอร์ติดต่อ (คลิกที่นี่)
ศูนย์บริการสาธารณสุข 1 สะพานมอญ
ศูนย์บริการสาธารณสุข 2 วัดมักกะสัน
ศูนย์บริการสาธารณสุข 3 บางซื่อ
ศูนย์บริการสาธารณสุข 4 ดินแดง
ศูนย์บริการสาธารณสุข 5 จุฬาลงกรณ์
ศูนย์บริการสาธารณสุข 6 สโมสรวัฒนธรรมหญิง
ศูนย์บริการสาธารณสุข 7 บุญมีปุรุราชรังสรรค์
ศูนย์บริการสาธารณสุข 8 บุญรอด รุ่งเรือง
ศูนย์บริการสาธารณสุข 9 ประชาธิปไตย
ศูนย์บริการสาธารณสุข 10 สุขุมวิท
ศูนย์บริการสาธารณสุข 11 ประดิพัทธ์
ศูนย์บริการสาธารณสุข 12 จันทร์เที่ยง เนตรวิเศษ
ศูนย์บริการสาธารณสุข 13 ไมตรีวานิช
ศูนย์บริการสาธารณสุข 14 แก้ว ศรีบุญเรือง
ศูนย์บริการสาธารณสุข 15 ลาดพร้าว
ศูนย์บริการสาธารณสุข 16 ลุมพินี
ศูนย์บริการสาธารณสุข 17 ประชานิเวศน์
ศูนย์บริการสาธารณสุข 18 มงคล-วอน วังตาล
ศูนย์บริการสาธารณสุข 19 วงศ์สว่าง
ศูนย์บริการสาธารณสุข 20 บมจ. ธนาคารนครหลวงไทย
ศูนย์บริการสาธารณสุข 21 วัดธาตุทอง
ศูนย์บริการสาธารณสุข 22 วัดปากบ่อ
ศูนย์บริการสาธารณสุข 23 สี่พระยา
ศูนย์บริการสาธารณสุข 24 บางเขน
ศูนย์บริการสาธารณสุข 25 ห้วยขวาง
ศูนย์บริการสาธารณสุข 26 เจ้าคุณพระประยุรวงศ์
ศูนย์บริการสาธารณสุข 27 จันทร์ ฉิมไพบูลย์
ศูนย์บริการสาธารณสุข 28 กรุงธนบุรี
ศูนย์บริการสาธารณสุข 29 ช่วง นุชเนตร
ศูนย์บริการสาธารณสุข 30 วัดเจ้าอาม
ศูนย์บริการสาธารณสุข 31 เอิบ-จิตร ทังสุบุตร
ศูนย์บริการสาธารณสุข 32 มาริษ ตินตมุสิก
ศูนย์บริการสาธารณสุข 33 วัดหงส์รัตนาราม
ศูนย์บริการสาธารณสุข 34 โพธิ์ศรี
ศูนย์บริการสาธารณสุข 35 หัวหมาก
ศูนย์บริการสาธารณสุข 36 บุคคโล
ศูนย์บริการสาธารณสุข 37 ประสงค์-สุดสาคร ตู้จินดา
ศูนย์บริการสาธารณสุข 38 จี๊ด-ทองคำ บำเพ็ญ
ศูนย์บริการสาธารณสุข 39 ราษฎร์บูรณะ
ศูนย์บริการสาธารณสุข 40 บางแค
ศูนย์บริการสาธารณสุข 41 คลองเตย
ศูนย์บริการสาธารณสุข 42 ถนอม ทองสิมา
ศูนย์บริการสาธารณสุข 43 มีนบุรี
ศูนย์บริการสาธารณสุข 44 ลำผักชี หนองจอก
ศูนย์บริการสาธารณสุข 45 ร่มเกล้า
ศูนย์บริการสาธารณสุข 46 กันตารัติอุทิศ
ศูนย์บริการสาธารณสุข 47 คลองขวาง
ศูนย์บริการสาธารณสุข 48 นาควัชระอุทิศ
ศูนย์บริการสาธารณสุข 49 วัดชัยพฤกษมาลา
ศูนย์บริการสาธารณสุข 50 บึงกุ่ม
ศูนย์บริการสาธารณสุข 51 วัดไผ่ตัน
ศูนย์บริการสาธารณสุข 52 สามเสนนอก
ศูนย์บริการสาธารณสุข 53 ทุ่งสองห้อง
ศูนย์บริการสาธารณสุข 54 ทัศน์เอี่ยม
ศูนย์บริการสาธารณสุข 55 เตชะสัมพันธ์
ศูนย์บริการสาธารณสุข 56 ทับเจริญ
ศูนย์บริการสาธารณสุข 57 บุญเรือง ล้ำเลิศ
ศูนย์บริการสาธารณสุข 58 ล้อม-พิมเสน ฟักอุดม
ศูนย์บริการสาธารณสุข 59 ทุ่งครุ
ศูนย์บริการสาธารณสุข 60 รสสุคนธ์ มโนชญากร
ศูนย์บริการสาธารณสุข 61 สังวาลย์ ทัสนารมย์
ศูนย์บริการสาธารณสุข 62 ตวงรัชฎ์ ศศะนาวิน ภักดี ฐานปัญญา
ศูนย์บริการสาธารณสุข 63 สมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย
ศูนย์บริการสาธารณสุข 64 คลองสามวา
ศูนย์บริการสาธารณสุข 65 รักษาศุข บางบอน
ศูนย์บริการสาธารณสุข 66 ตำหนักพระแม่กวนอิม โชคชัย 4
ศูนย์บริการสาธารณสุข 67 ทวีวัฒนา
ศูนย์บริการสาธารณสุข 68 สะพานสูง
ศูนย์บริการสาธารณสุข 69 คันนายาว
Home Isolation เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มไม่มีอาการ หรืออยู่ในผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว และแพทย์พิจารณาแล้วว่าสามารถทำ Home Isolation ได้
Home Isolation หรือ การแยกกักตัวที่บ้าน เป็นแนวทางสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่อยู่ในเกณฑ์ดังนี้ ผู้ป่วยที่กำลังรอ Admit หรือรอเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลและแพทย์พิจารณาแล้วว่าสามารถรักษาตัวที่บ้านได้ ผู้ป่วยที่รักษาตัวในโรงพยาบาล หรือสถานที่ที่รัฐจัดให้อย่างน้อย 10 วันแล้ว และแพทย์พิจารณาว่าสามารถทำ Home Isolation ต่อได้
โดยผู้ที่เข้าเกณฑ์ในการทำ Home Isolation ได้นั้น 1. เป็นผู้ติดเชื้อที่สบายดี หรือไม่มีอาการ (asymptomatic cases) 2. มีอายุน้อยกว่า 60 ปี 3. มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง 4. ยินยอมแยกกักตัวในที่พักของตัวเอง 5. อยู่คนเดียวหรือมีผู้อยู่ร่วมที่พักไม่เกิน 1 คน 6. ต้องไม่มีภาวะอ้วน (ดัชนีมวลกาย>30 กก./ม.2 หรือ น้ำหนักตัว>90 กก.) 7. ไม่มีโรคร่วม ดังต่อไปนี้ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง(COPD), โรคไตเรื้อรัง (CKD ระยะที่ 3,4),โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ หรือโรคอื่นๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์ สถานที่ ถ้าบ้านมีพื้นที่เพียงพอ ก็ให้ผู้ป่วยแยกไปอยู่ในห้องส่วนตัวคนเดียว ถ้าเป็นไปได้ควรเป็นห้องที่มีห้องน้ำในตัวแยกภาชนะของใช้ส่วนตัวส่วนเวลาทานข้าวให้เอามาวางไว้ให้ตรงหน้าห้องแล้วไลน์บอก เพื่อให้ผู้ป่วยเปิดประตูมาหยิบข้าวไปทานเองเพื่อหลีกเลี่ยงการพูดคุยหรือการสัมผัสให้มากที่สุด หรือถ้าเป็นข้าวกล่องได้ก็จะดีมาก เพราะถ้าหยิบจานมาล้างอาจเสี่ยงสัมผัสเชื้อได้ หรือถ้าที่อยู่อาศัยเป็นคอนโด ห้องเช่า แฟลต ไม่มีพื้นที่เพียงพอที่จะแยกออกเป็นห้องชัดเจน เพื่อความปลอดภัย แนะนำให้ผู้ป่วยอยู่ในห้องคนเดียว และคนอื่นที่ไม่ติดเชื้อให้ไปพักอาศัยที่อื่นเป็นการชั่วคราว เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อให้กับคนในครอบครัว
การปฎิบัติตัวของผู้ป่วยโควิด-19 เมื่อทำ Home Isolation
แยกห้องพัก ของใช้ส่วนตัวกับผู้อื่น หากแยกไม่ได้ควรแยกให้ห่างจากผู้อื่นให้มากที่สุด และควรเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท ห้ามออกจากที่พัก และห้ามใครมาเยี่ยมที่บ้าน ห้ามเข้าใกล้หรืออยู่ใกล้ชิดกับผู้อื่น โดยต้องเว้นระยะห่างอย่างน้อย 2 เมตร ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา หากไม่ได้อยู่คนเดียว ล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจลทุกครั้งที่สัมผัสกับของใช้ต่าง ๆ ห้ามทานอาหารร่วมกับผู้อื่น แยกซักเสื้อผ้า และเครื่องนอน ด้วยน้ำสบู่หรือผงซักฟอกใช้ห้องน้ำแยกจากผู้อื่น และแยกทิ้งขยะ โดยมัดปากถุงขยะให้แน่น ของที่ต้องใช้ อุปกรณ์สำคัญที่ควรมีติดตัวไว้เพื่อช่วยในการประเมินอาการเบื้องต้น คือเทอร์โมมิเตอร์วัดไข้ เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเพื่อบันทึกในแต่ละวัน อีกอันคือเครื่องบอกระดับออกซิเจนในเลือดแบบหนีบนิ้ว ตัวนี้จะเป็นตัวประเมินการแลกเปลี่ยนก๊าซในปอดเราว่ายังไหวมั้ย ปกติเลขควรอยู่ที่ประมาณ 97-100% ถ้าเลขแตะ 94% หรือต่ำกว่าให้เฝ้าระวังทันที เพราะมีแนวโน้มที่โควิดจะลงปอดแล้วซึ่งขณะพักอยู่ที่บ้านจะมีเจ้าหน้าที่และคุณหมอคอยมอนิเตอร์ผ่านเทเลเมดตลอดเวลา ถ้าอาการแย่ลงจะมีรถโรงพยาบาลไปรับและนำส่งโรงพยาบาลทันที
สิ่งที่ผู้ป่วยโควิด-19 จะได้รับการสนับสนุนเมื่อต้องทำ Home Isolation
อาหารสามมื้อและการติดตามประเมินอาการ ให้คำปรึกษา อุปกรณ์ประเมินอาการ ได้แก่ ปรอทวัดไข้ และเครื่องวัดออกซิเจนในเลือดแบบหนีบนิ้ว เพื่อประเมินการแลกเปลี่ยนก๊าซในปอดว่าปกติดีหรือไม่ ค่าปกติจะอยู่ที่ประมาณ 97-100% ถ้าตัวเลขอยู่ที่ 94% หรือต่ำกว่านั้น คืออยู่ในภาวะที่ต้องเฝ้าระวัง เพราะมีแนวโน้มที่เชื้อโควิด-19 จะลงปอด ประเมินอาการผ่านระบบเทเลเมด หรือ การนําเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์สามารถพูดคุยตอบโต้กันได้แบบ Real-timeโดยแพทย์และพยาบาลทุกวัน การให้ยากับผู้ป่วยในแต่ละวัน ประเมินตามอาการขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ หากมีอาการเปลี่ยนแปลงหรือแย่ลงให้แจ้งทีมแพทย์ และรีบนำส่งโรงพยาบาล สิ่งสำคัญ คือต้องหมั่นสังเกตอาการของตัวเอง วัดอุณหภูมิทุกวัน หากอาการแย่ลง เช่น หอบ เหนื่อย มีไข้สูง ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ ให้รีบติดต่อโรงพยาบาลที่รักษาอยู่ ทางโรงพยาบาลจะมีรถไปรับเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล หรือหากจำเป็นต้องเดินทางมาโรงพยาบาลด้วยตัวเอง แนะนำให้ใช้รถยนต์ส่วนตัว ไม่ใช้รถสาธารณะ และใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา หากมีผู้ร่วมยานพาหนะมาด้วยให้เปิดหน้าต่างรถเพิ่มการระบายอากาศ เพื่อความปลอดภัยของผู้ที่เดินทางไปด้วย
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข