สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย โดยเฉพาะเจ้าวายร้ายตัวล่าสุดที่ระบาดเร็วมากอย่าง โควิดสายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) ทำให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุด ประเทศไทย มีจำนวนยอดผู้ติดเชื้อเกินพันรายแล้ว จำนวน 3 จังหวัด สร้างความกังวลให้กับให้ประชาชนจำนวนมาก เพราะถึงแม้ว่าสายพันธุ์โอมิครอน ถือว่าเป็นสายพันธุ์ที่แสดงอาการน้อย ลักษณะคล้ายไข้หวัด แต่ก็สามารถแพร่กระจายเชื้อได้อย่างรวดเร็ว
ขณะที่ ศูนย์ข้อมูล COVID-19 ได้แนะนำ วิธีสังเกตอาการติดโควิด-19 ในเด็ก สำหรับอาการเบื้องต้นที่ผู้ปกครองจำเป็นต้องรู้ว่าลูกน้อยป่วยติดโควิด-19 อยู่ในระดับใด และจะต้องปฏิบัติตามแนวทางอย่างไร ?
อาการแบบที่ 1 อาการในระดับที่สามารถเฝ้าสังเกตที่บ้านต่อไปได้ คือ มีไข้ต่ำ มีน้ำมูก มีอาการไอเล็กน้อย ไม่มีอาการหอบเหนื่อย ถ่ายเหลวยังคงกินอาหารหรือนมได้ปกติ และไม่ซึม ซึ่งเด็กที่ไม่มีอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย สามารถรับการรักษาแบบ HI ได้
อาการแบบที่ 2 อาการที่ผู้ปกครองควรติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อนำเด็กส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว คือ ไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียล หายใจหอบเร็วกว่าปกติ ใช้แรงในการหายใจ ปากเขียว ระดับออกซิเจนปลายนิ้วน้อยกว่า 94% ซึมลง ไม่ดูดนม และไม่กินอาหาร
อาการติดโควิด-19 ของเด็กที่ตรวจพบมากที่สุด คือ มีอาการไข้หลายวัน อาจจะมีไข้สูงหรือต่ำ ไอแห้งเจ็บคอ อ่อนเพลียคัดจมูก ซึ่งในกลุ่มนี้อาการจะคล้ายไข้หวัด นอกจากนั้นยังพบเด็กบางรายมีอาการผื่นแดง จมูกไม่ได้กลิ่นเบื่ออาหาร ในเด็กทารก อาจดื่มนมน้อยลง อาจมีอาการท้องเสียร่วมด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองก็จะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมืออย่างถูกวิธี หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา ปาก จมูก และไม่ใช้สิ่งของต่างๆ ร่วมกับเด็กที่ติดเชื้อ
ล่าสุด คุณหมอธีระ หรือ รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ถึงโรคที่อาจเกิดขึ้นหลังจากติดโควิด-19 เสี่ยงเป็นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยใจความในโพสต์ระบุว่า
"ติดโควิด-19 เสี่ยงเบาหวาน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ หากจำกันได้ US CDC ได้ระบุให้ทราบก่อนหน้านี้แล้วว่า เด็กที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 จะเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 (IDDM) เพิ่มขึ้นกว่าเด็กที่ไม่ติดเชื้อถึง 166% หรือ 2.66 เท่า
อ้างอิงจาก งานวิจัยจากประเทศเยอรมัน ที่เพิ่งจะเผยแพร่ในวารสารการแพทย์ระดับสากล ด้านโรคเบาหวาน Diabetologia เมื่อ 16 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา พบว่า ผู้ใหญ่ที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 (NIDDM) สูงกว่าคนทั่วไปที่เคยมีประวัติดิดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนจากสาเหตุอื่นๆ ถึง 28% หรือ 1.28 เท่า
ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบอัตราอุบัติการณ์เบาหวานชนิดที่ 2 ที่เกิดขึ้นในผู้ใหญ่ที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 กับอัตราในผู้ใหญ่ทั่วไปที่มีอายุเฉลี่ยพอๆ กัน ซึ่งเคยสำรวจในภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ของเยอรมันเมื่อปี 2010 จะพบว่าเกิดเบาหวานมากกว่าถึง 81% หรือ 1.81 เท่า จากข้อมูลทางการแพทย์ที่มีจนถึงปัจจุบัน ชี้ให้เห็นว่า การติดเชื้อโรคโควิด-19 จะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ดังนั้นการป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอจึงสำคัญมาก ไม่ติดเชื้อย่อมดีที่สุดครับ
คุณหมอธีระ ยังย้ำเตือนถึง ภาวะ Long Covid ที่จะต้องเจอ นอกเหนือจากโรคเบาหวาน เมื่อหายจากโควิด-19 คือ
- อ่อนเพลียอ่อนล้าง่าย
-ปวดตามกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อ
- ไม่สามารถทำงาน หรือทำกิจกรรมประจำวันที่เคยทำได้
- หอบเหนื่อย
- คิดอะไรไม่ออก วิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ ด้วยความยากลำบาก
- นอนไม่หลับ
- เครียด วิตกกังวล
- ซึมเศร้า หดหู่ หมดหวัง คิดทำร้ายตนเอง
- สมองเสื่อม
- โรคหลอดเลือดสมอง
- หัวใจเต้นผิดปกติ
- กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
- กล้ามเนื้อหัวใจและเยื่อบุหัวใจอักเสบ
- ปัญหาเกี่ยวกับฮอร์โมนเพศ
- โรคเบาหวาน
ซึ่งปัญหาต่างๆข้างต้น เป็นกลุ่มอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นหลังติดเชื้อโรคโควิด-19 ที่เราเรียกว่า Long COVID หรือ Post-acute COVID syndrome พบได้ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ ทั้งเพศชายและหญิง ทั้งคนที่ติดเชื้อแบบไม่มีอาการ อาการน้อย หรืออาการรุนแรง ล้วนมีความเสี่ยงที่จะประสบกับปัญหา Long COVID ได้ ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นระยะยาว ไม่ใช่แค่สมรรถนะร่างกายหรือจิตใจของผู้ป่วย แต่จะส่งผลต่อครอบครัว ทั้งในด้านภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาและความสัมพันธ์
ในระดับประเทศ หากมีคนป่วยเช่นนี้มาก ผลิตภาพของประเทศก็จะลดลง ประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน และค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพก็สูงขึ้นเป็นเงาตามตัว ดังนั้น การป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอจึงสำคัญมาก ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน การระบาดยังรุนแรง อย่าประมาท