21 มีนาคม 2565 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ หรือ “หมอธีระ” คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ในเพจเฟซบุ๊ก “ThiraWoratanarat” ระบุถุึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 เริ่มลดลง แต่จะกลับมาปะทุอีกรอบช่วงปลายเมษายน 2565 ด้วย 3 ปัจจัย มีรายละเอียดดังนี้..
คาดว่าระบาดของไทยในช่วงหลัง 10 มีนาคมเป็นต้นมานั้น slope การลงน่าจะเป็นไปอย่างช้าๆ ดังเช่นธรรมชาติที่เห็นจากหลายประเทศทั่วโลกที่ขาลงจะนาน
แต่น่าจะมีโอกาสเห็นการถีบตัวขึ้นราวกลางสัปดาห์ที่ 4 ของเมษายนเป็นต้นไป อันมีอิทธิพลมาจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่
ข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการจากสหราชอาณาจักร ซึ่งตอนนี้มีการติดเชื้อสูงขึ้นเร็ว พบว่า อาการจาก BA.2 นั้นกลับมาเด่นในเรื่องน้ำมูกไหล (runny nose) ราว 80.75% ตามมาด้วยปวดหัว อ่อนล้าอ่อนเพลีย เจ็บคอ และคัดจมูก ในระดับพอๆ กันคือ 70% ในขณะที่ไอ หรือเสียงแหบ มีราวครึ่งหนึ่ง ส่วนเรื่องไข้จะเจอเพียงหนึ่งในสาม
ยังไงคงต้องรอข้อมูลทางการอีกที แต่การรับทราบไว้ ก็น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับเราแต่ละคน เพื่อจะได้สังเกตอาการตนเอง สมาชิกในครอบครัว หรือเพื่อนร่วมงาน ให้ฉุกคิดถึงโควิด-19 ไว้เสมอหากมีอาการดังกล่าว เพื่อไปตรวจรักษา และรีบแยกห่างจากคนใกล้ชิดเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อติดเชื้อ
อีก 2 เรื่องสำคัญที่ควรติดตามคือ ตามเงื่อนเวลาแล้วภาวะ Long COVID ควรจะปรากฏให้เห็นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา อันเป็นผลจากการระบาดใหญ่ตลอดปีก่อน ตั้งแต่ระลอกสายพันธุ์ G สายพันธุ์อัลฟา และสายพันธุ์เดลตา ดังนั้นหากใครเคยติดเชื้อมาก่อน และมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกาย อารมณ์ หรือสภาพจิตใจ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจและดูแลรักษา
สำหรับระลอกสายพันธุ์ Omicron นั้น คาดว่าจะมีคนติดเชื้อจำนวนมากกว่าทุกระลอกที่ผ่านมา เชื่อว่าในช่วงกลางปีนี้ไป งานวิจัยเกี่ยวกับ Long COVID จาก Omicron น่าจะทยอยออกมากันมากขึ้น เพื่อที่จะเข้าใจธรรมชาติของโรค ดังนั้นตราบใดที่เรายังไม่รู้เรื่องนี้ ต้องไม่ประมาท ป้องกันตัวอยู่เสมอ เป็นกิจวัตร ไม่ติดเชื้อย่อมดีที่สุด