นับว่าเป็นการเปิดใจของ "อิศเรศ น้อยใจบุญ" หรือ " เจ" นักกีฬาสโมสรบางกอกเอฟซี นักเตะที่ฟันศอกเข้าใส่ ศุภสัณห์ เรืองศุภนิมิตร หรือ "ฮอลล์" นักกีฬาสโมสรฟุตบอลมหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ พร้อมกับ ชาญวิทย์ ผลชีวิน หรือ โค้ชหรั่ง เป็นสมาชิกวุฒิสภา อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย ผ่านรายการคมชัดลึก โดยมี วราวิทย์ ฉิมมณี เป็นผู้ดำเนินรายการ
วราวิทย์ ฉิมมณี ผู้ดำเนินรายการ เปิดฉากในรายการให้โอกาส "เจ อิศเรศ" กล่าวขอโทษแฟนบอลทั้งประเทศที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่อื้อฉาวไปทั่วโลก และวันนี้ได้มีโอกาสได้เข้าไปขอโทษและสวมกอด น้อง"ฮอลล์" ศุภสัณห์ รวมถึงฝากขอโทษไปถึงครอบครัวน้อง "ฮอลล์" ที่ทำให้บาดเจ็บ เย็บในปากถึง 24 เข็ม รวมถึงมีกระดูกร้าวที่ใบหน้าด้วย
"เจ" อิศเรศ เผยสาเหตุที่ไม่สามารถสะกดอารมณ์โมโหได้ เกิดจากในช่วงของการเล่นในเกมส์ ที่มีจังหวะการเล่นที่
ตุกติกมีชั้นเชิงระหว่างกัน จะมีการท้าทายกันตลอดในเกมส์ ซึ่ง "เจ อิศเรศ" เข้าใจว่าเป็นแทกติก ในการยั่วโมโห เพื่อให้เสียจังหวะของการคุมบอลในสนาม
แต่จังหวะที่บอลออกนอกสนามไปแล้ว "เจ อิศเรศ" เล่าว่าถูก "ฮอลล์ ศุภสัณห์" เข้ามาเตะใส่ขาและเอามือต่อยที่ท้องก่อน จึงเกิดอาการโมโห จนขาดความยั้งคิด และพุ่งเข้าไปหา หวังว่าจะได้คำขอโทษ จึงเข้าฟันศอกใส่ที่บริเวณใบหน้า จนกรรมการ ให้ใบแดง
"เจ อิศเรศ" กล่าวว่า หลังจากที่ตั้งสติได้ก็อยากจะเข้าไปขอโทษแต่ไม่มีโอกาส เป็นอารมณ์ที่หลุดจริงๆ ซึ่งตนเอง ประวัติการเล่นฟุตบอลอาชีพมา 10 ปีไม่เคยเป็นแบบนี้
ขณะนี้ถูกยกเลิกสัญญาจากสโมสรฟุตบอลต้นสังกัดแล้ว ขณะนี้ต้องรอคำวินิจฉัยการลงโทษจากสมาคมฟุตบอล
ด้านนายชาญวิทย์ ผลชีวิน หรือ "โค้ชหรั่ง" อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย ให้มุมมองว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ภาษาฟุตบอลคือ การเอาคืน เรียกว่า "เกมส์ สกปรก" เพราะในอดีตมีทั้งการนำเสามุมธงข้างสนาม หรือเก้าอี้มาทำร้ายกัน และบางครั้งนักเตะจะผลักอกใส่กัน แต่การใช้ศอกแม่ไม้มวยไทย นับเป็นครั้งแรกในวงการฟุตบอลไทย
โค้ชหรั่ง มองว่า เมื่อ "เจ อิศเรศ" ยอมขอโทษ กีฬาย่อมรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย เพราะวงการฟุตบอลไทย กำลังเข้าสู่วงการฟุตบอลอาชีพ ต้องเสริมแทรกทักษะคติในการเล่นของนักฟุตบอลไทยที่อยู่ดีขึ้น นักเตะต้องควบคุมอารมณ์ให้ได้ อย่าเล่นรุนแรง จึงฝากเป็นบทเรียนของนักฟุตบอลอาชีพของไทยให้เกิดมาตรฐานในวงการฟุตบอลไทยในอนาคต