svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

เปิดใจสองเขยยุติต่อกันหลังไล่ตีกันสนั่นโซเชียลปมเงิน19ล้าน

15 มีนาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เปิดใจสองเขยยุติต่อกันหลังไล่ตีกันสนั่นโซเชียล ขณะที่เขยเล็กเปิดใจ อยากให้แม่ยายยอมรับในตัวตนเอง พร้อมยกมือไหว้ขอโทษแม่ยายผ่านสื่อ

จากกรณี ที่เขยใหญ่ คือ นายปนาวิน วัฒนาประดิษฐ์ชัย อายุ 36 ปี ทะเลาะวิวาทกับ นายชัยอนันต์ หรือชัย ตรีสารศรี อายุ 47 ปี อดีตนักร้องนำวง “พองพอง” ชื่อดังในยุค 90 เขยเล็ก ที่ต่างฝ่ายใช้ไม้ไล่ตีกันจนได้รับบาดเจ็บทั้งคู่ ชนวนสาเหตุเกิดจากผู้เช่าห้องพักโอนเงินค่าเช่าห้องให้ลูกสาวคนโต ทำให้ลูกสาวคนเล็กไม่พอใจ จึงเกิดมีปากเสียง และไล่ทำร้ายร่ายกายกัน ก่อนมีคลิปลงไปในโลกโซเชียล ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น  
 
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 15 มีนาคม 2565 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับนายปนาวิน วัฒนาประดิษฐ์ชัย เขยใหญ่ ได้เปิดใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า ตนกับภรรยายอมรับว่าในวันเกิดเหตุพวกตนใจร้อน เพราะเขยเล็กทำร้ายร่างกายภรรยาของตนก่อน ส่วนเรื่องมรดกของภรรยา ตนไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรเลย แต่รายได้จากหอพักที่แม่ยายยกให้ภรรยาของตนจะเก็บเงินเอาไปให้แม่ยาย คือ นางอณิต อรุณรัตน์ อายุ 75 ปี และอยากให้น้องเมียกับสามีควรย้ายออกไปอยู่ที่อื่นก่อน เพราะไม่อยากให้มีเรื่องกระทบกระทั่งกันจนเกิดเหตุปานปลาย ทำร้ายกันรุนแรงเหมือนในคลิป  

เปิดใจสองเขยยุติต่อกันหลังไล่ตีกันสนั่นโซเชียลปมเงิน19ล้าน
 

“ตนเองไม่ขอแสดงความคิดเห็นในเรื่องมรดกของแม่ยาย ที่จะฟ้องร้องคืนจากลูกสาวคนเล็ก ในเรื่องนี้ก็แล้วแต่แม่ยายที่จะดำเนินการ โดยวันที่ทำร้ายร่างกายกัน ตนก็ได้รับบาดเจ็บเย็บถึง 10 เข็ม ก็ได้ไปแจ้งความเอาไว้ที่ สภ.เมืองอุดรธานี เหมือนกัน พร้อมกับไปตรวจร่างกายเอาไว้ด้วย โดยตำรวจก็อยากให้ทั้งสองฝ่ายไกล่เกลี่ยกัน เพราะมันเป็นเรื่องในครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อหาทางออกแบบสันติวิธีและจะได้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขต่อไป ส่วนทางคดีความ ขณะนี้ตำรวจรอผลตรวจร่างกายและความพร้อมทั้งสองฝ่าย จึงจะเชิญตัวทั้งคู่มาพูดคุยเจรจาตกลงกัน ว่าจะสามารถตกลงกัน ได้หรือไม่ เนื่องจากภาพที่อยู่ปรากฏอยู่ในคลิป เป็นลักษณะร่วมกันทะเลาะวิวาท จนได้รับบาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย”     
 
นายชัยอนันต์ หรือชัย ตรีสารศรี อายุ 47 ปี อดีตนักร้องนำวง “พองพอง” ชื่อดังในยุค90 เปิดใจว่า การที่แม่ยายและพี่สาวของภรรยา ไม่ยอมรับตนเป็นลูกเขยนั้น เพราะไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง และคิดว่าตนมาเกาะเมียกินนั้น  ตนเองเป็นศิลปินนักร้องที่เป็นอาชีพรักมาก แต่เนื่องจากได้รับผลกระทบโควิด19 รวมทั้งทุกสาขาอาชีพ ทำให้ไม่มีใครจ้าง ส่วนรายได้ของตนเองจากให้คนเช่าตึกทำร้านอาหาร และรายได้จากตู้เอทีเอ็มที่มาเช่าพื้นที่ติดตั้งให้บริการ และนำเงินส่วนนี้มาค่าใช้ประจำวันในการเลี้ยงดูลูกเมีย ในส่วนงานดนตรีก็มีติดต่อเข้ามาบ้าง อาชีพดนตรีตนก็ไม่ได้ทิ้งก็ยังทำอยู่เหมือนเดิม  

เปิดใจสองเขยยุติต่อกันหลังไล่ตีกันสนั่นโซเชียลปมเงิน19ล้าน
 

ส่วนบ้านที่กรุงเทพเป็นตึกให้เช่าเป็นร้านอาหาร ตนได้ประกาศขายในราคา 9 ล้าน บาท ก็ได้เขียนสัญญาณเอาไว้ว่า เงินที่ขายบ้านหลังจากใช้หนี้สินหมด จะยกให้ลูกกับภรรยา และอยากฝากถึงคุณแม่และพี่สาวภรรยา รวมถึงสามีของเขา ให้เปิดใจยอมรับตัวผมด้วย ที่เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัว ที่จะมาเลี้ยงดูภรรยาและลูก ตัวผมเองไม่ได้ยึดติดว่าจะมาอยู่แบบสบาย ไม่ได้งอมือเท้าอะไรเลย กลับกันตนเป็นคนสู้ชีวิตต่างหาก อย่ามีอคติกับตัวผมเลย และต้องการเรียกร้องความยุติธรรมให้ภรรยา เกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สินที่ควรมีและควรจะได้ อยากให้ออกมาชี้แจงให้ผมกับภรรยาทราบ จะได้รู้ความจริงกันทั้ง 2 ฝ่าย  
 
“เวลาที่เหลือไม่รู้ว่าใครจะตายก่อนกัน ความเป็นญาติพี่น้องเป็นเรื่องสำคัญที่สุด หากไม่รักแล้วใครจะมารักเรา ก็อยากให้มานั่งคุยกันอย่าใช้อารมณ์ ในการพูดคุยเจรจา ไม่จำเป็นต้องมีใครมาเป็นคนกลางทั้งนั้น เพราะมันเป็นเรื่องของครอบครัว การที่มีเรื่องที่เกิดขึ้นมาออกไปสู่สังคม ความคิดผมเองเป็นสิ่งที่หน้าอับอาย แต่หากอีกมุมหนึ่ง ก็เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า ปัญหาในครอบครัวเล็ก ๆ จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมาในสังคม ผมขอยกมือไหว้ขอโทษแม่ผ่านสื่อว่า ขอกราบขอโทษคุณแม่และพี่ๆ ในฝ่ายของภรรยา ทุกคน เพราะตนและภรรยาก็เป็นสาเหตุทำให้เกิดเรื่องขึ้นมา ก่อให้เกิดความเดือดร้อนจนทำให้อับอาย เจตนาตัวผมเอง ไม่อยากให้เกิดขึ้นมาเลย ขอสัญญาณว่าจากนี้ไปจะปรับปรุงตัวเอง ไม่ให้ใจร้อน และทำในสิ่งที่ดีต่อครอบครัวและญาติพี่น้อง ครอบครัวจะได้มีความสุขต่อไป”

เปิดใจสองเขยยุติต่อกันหลังไล่ตีกันสนั่นโซเชียลปมเงิน19ล้าน

โดย - เศกสันติ กัลยาณวิสุทธิ์  
 

logoline