ทีมข่าวเนชั่นออนไลน์ ตรวจสอบข้อมูลจาก กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โดยทางด้าน นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.)” พบข้อมูลว่า
จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) ส่งผลให้ประเทศไทยพบผู้ป่วยโรคโควิด 19 รายใหม่นับหมื่นรายต่อวัน โดยผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ หรืออาการไม่รุนแรง สามารถรักษาแบบผู้ป่วยนอกและแยกกักตัวที่บ้าน (Outpatient with Self Isolation) เข้าระบบการกักตัวในที่พัก (Home Isolation ;HI) หรือกักตัวในชุมชน (Community Isolation ;CI) ได้
แต่ หากเป็นผู้ป่วยที่มีภาวะเสี่ยง และมีอาการรุนแรง ก็จะส่งนำตัวเข้ารักษาในสถานพยาบาลต่อไป ทำให้ในแต่ละวันมีประชาชนติดต่อไปยังสายด่วน ดังนี้
โดยมีคนโทรทั้งสองสายด่วนมาเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่องและทั่วถึง
ดังนั้น เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ป่วยโรคโควิด 19 อย่างทันท่วงที ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2565 กรม สบส.ได้ขยายเวลาการให้บริการ "สายด่วนกรม สบส. 1426"
จากเดิมวันและเวลาราชการ (วันจันทร์-ศุกร์) เป็นทุกวันในช่วงเวลา 08.30 – 20.30 น. โดยไม่มีวันหยุด
ซึ่งนอกจาก สายด่วน 1426 จะให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายสถานพยาบาล/สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ การประกอบกิจการ และรับเรื่องร้องเรียนแล้ว ยังได้เพิ่มบริการสำหรับผู้ป่วยโรคโควิด 19 ภายใต้ภารกิจ “ลมใต้ปีก” ในการให้บริการสนับสนุนเครื่องผลิต/ท่อออกซิเจน แก่ผู้ป่วยโรคโควิด 19 ในการประคับประคองอาการระหว่างรอเข้าระบบการรักษาในสถานพยาบาล
โดยมีคอลเซ็นเตอร์ สายด่วน กรม สบส. 1426 รับเรื่องสนับสนุนออกซิเจนทางการแพทย์ พร้อมให้การประเมินและแจ้งข้อมูลความต้องการไปยังหน่วยจัดเก็บออกซิเจนทางการแพทย์ เพื่อจัดเตรียมอุปกรณ์ อาทิ เครื่องผลิต/ท่อออกซิเจน เกจวัดออกซิเจน สายออกซิเจนช่วยหายใจ เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว ฯลฯ ให้กับผู้ป่วยโรคโควิด 19
โดยญาติผู้ป่วยที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล สามารถเดินทางมารับเครื่องผลิต/ท่อออกซิเจนด้วยตนเอง และในอนาคตหากประชานมีการขอสนับสนุนออกซิเจนเข้ามามากขึ้น กรม สบส.ก็จะเพิ่มบริการจัดส่งเครื่องผลิต/ท่อออกซิเจนให้กับผู้ป่วยโรคโรควิด 19 ถึงที่พักต่อไป
ที่มา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ