เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2565 ที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เดินทางมามอบเครื่องเป่าลม เพื่อใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือPM 2.5 ในปฏิบัติการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยรอบพื้นที่ป่าอนุรักษ์ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ โดยมี นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านพัฒนาความยั่งยืนองค์กร ซีพีเอฟ เป็นตัวแทนบริษัทฯ มอบเครื่องเป่าลม 12เครื่อง พร้อมด้วยไข่ไก่จำนวน 60แผง โดย นายเกรียงไกร ไชยพิเศษ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เป็นผู้รับมอบ
นายวุฒิชัย กล่าวว่า ซีพีเอฟให้ความสำคัญกับการรักษาสมดุลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน มุ่งมั่นใช้ฐานทรัพยากรชีวภาพอย่างคุ้มค่า ร่วมปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ การสนับสนุนภารกิจของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ป้องกันไฟป่า แก้ปัญหาหมอกควัน PM 2.5 ในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือกัน เพื่อฟื้นฟูและรักษาทรัพยากรป่าไม้ ซึ่งถือเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง และสอดรับกับเป้าหมายกลยุทธ์ความยั่งยืน CPF 2030 Sustainability in Action ในการมีส่วนร่วมปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ
สาเหตุที่เข้ามามอบอุปกรณ์ดับไฟป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุม อ.จอมทอง อ.แม่แจ่ม อ.แม่วาง อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ เนื่องจากเห็นความสำคัญของป่าต้นน้ำที่มีความสำคัญ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทาง CPF ได้เข้ามาช่วยสนับสนุนอุปกรณ์ในพื้นที่ที่มีความสำคัญระดับประเทศโดยเฉพาะในเรื่องของการปกป้องและฟื้นฟู ป่าไม้และทรัพยากรสำคัญของประเทศ
สิ่งที่นำมามอบให้กับอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ คือ อุปกรณ์ เครื่องเป่าลมที่ จำนวน 12 ชุด ซึ่งมีความสำคัญในเรื่องการป้องกันและดับไฟป่า ซึ่งหากใช้กำลังคนเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ หรือทันการต่อการเข้าดับไฟป่า เนื่องจากการดับไฟป่าต้องแข่งกับเวลาเจ้าหน้าที่มีความเหนื่อยยาก หากเจ้าหน้าที่มีอุปกรณ์พร้อมที่จะเข้าดับไฟป่าจะทำให้การดับไฟป่าทำได้รวดเร็วมากขึ้น สามารถปกป้องทรัพยากร ได้ดียิ่งขึ้น โดยอุทยานแห่งชาติ ดอยอินทนนท์ จะนำไปกระจาย ตามจุดต่างๆในช่วงที่ต้องเฝ้าระวัง และมีความเสี่ยงสูงในช่วง ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเมษายน นี้ นอกจากนั้นยังได้นำไข่ไก่ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของ CPF จำนวน 60 แผง เข้ามาเสริมให้กับอาสาสมัครที่จะเข้ามาช่วย ในการ ป้องกันและดับไฟป่า
นอกจากนั้น บริษัทยังได้ดำเนินการเข้าไปมีส่วนร่วมอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำและป่าชายเลนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบัน ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศไทยไปแล้วมากกว่า 1 หมื่นไร่ ผ่านการดำเนินโครงการ ซีพีเอฟ รักษ์นิเวศ ลุ่มน้ำป่าสัก เขาพระยาเดินธง จ.ลพบุรี อนุรักษ์และฟื้นฟูป่า พื้นที่ 6,971 ไร่ และ โครงการ ซีพีเอฟ ปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน อนุรักษ์และฟื้นฟูป่ามากกว่า 1 หมื่นไร่
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้กำหนดนโยบายการจัดหาอย่างรับผิดชอบต่อโลก โดยร้อยละ 100 ของวัตถุดิบหลัก มาจากพื้นที่ที่ได้รับการตรวจสอบแล้วว่าปราศจากการตัดไม้ทำลายป่า อาทิ ข้าวโพด น้ำมันปาล์ม ถั่วเหลือง มันสำปะหลัง เป็นต้น และร้อยละ 100 ของวัตถุดิบสามารถตรวจย้อนกลับถึงแหล่งที่มา ทำให้สามารถบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมในห่วงโซ่อุปทานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายเกรียงไกร ไชยพิเศษ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันในพื้นที่ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ถือว่าดีกว่าปีที่ผ่านมามีจำนวนจุด Hotspot เพียง 10 ครั้งจะปกติเฉลี่ยปีนึงจะมี Hotspot ในพื้นที่มากกว่า 400 จุด สำหรับมาตรการในการดูแลพื้นที่ป่าโดยร่วมกับชุมชน เข้าชี้แจงทำความเข้าใจกับชุมชนเป็นหลัก ทำให้เกิดไฟป่าน้อยมาก ในปีนี้การเกิดไฟป่าจะไม่รุนแรงเท่ากับเมื่อปีที่ผ่านมาเนื่องจากช่วงที่ผ่านมามีฝนตกมาในพื้นที่สร้างความชุ่มชื้นในพื้นที่ป่า จุดความร้อนลดลงไปมากกว่าร้อยละ 85
สำหรับอุปกรณ์เครื่องเป่าลมที่ได้รับจาก บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ จะนำไปช่วยในเรื่องการทำแนวกันไฟและการดับไฟป่า ซึ่งอุปกรณ์1ตัวเทียบเท่ากับแรงงานคน 4-5คน ทำให้มีประสิทธิภาพในการทำแนวกันไฟและดับไฟป่าได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น การที่ภาคเอกชนเข้ามาให้ความสำคัญเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ด้วยการสนับสนุนอุปกรณ์ช่วยดับไฟป่า ซึ่งทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ป่าที่มีความยากลำบากเพราะเป็นพื้นที่สูงชัน ขณะเดียวกันชุมชนในพื้นที่จะมีความตระหนักและเข้าใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ส่วนมาตรการในการเฝ้าระวังไฟป่า ได้มีการจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ไว้ประมาณกว่า 100 นาย ทำงานร่วมกับชุมชน พร้อมที่จะเข้าปฏิบัติหน้าที่หากเกิดไฟป่า โดยวางแผน ไว้ 2สถานการณ์ คือในสภาพพื้นที่ ที่ไม่มีความยากลำบากจะมีการลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมหากเกิดไฟป่า ส่วนสภาพพื้นที่ยากลำบากบริเวณเขาสูงชัน ที่ยากต่อการเข้าดับไฟป่า จะจัดเจ้าหน้าที่เข้าประจำจุดตลอด 24ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดไฟป่า พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษมี 3 จุดด้วยกันคือ เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน ดอยหัวเสือ และผาแง่ม ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าเขาสูงชันหากเกิดไฟป่าจะเข้าดับได้ยาก
ข่าว นิศานาถ กังวานวงศ์ ภาพ เกรียงไกร รัตนา ศูนย์ข่าวภาคเหนือ