
ความคืบหน้าเหตุยิงกันสนั่นเมืองสุพรรณบุรี โดยนายอนุพงษ์ ชาติดี หรือแบงค์ อายุ 23 ปี ถูกคู่อริยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดรวม 7 นัด ที่ลำตัว 5 นัด หน้าผาก 1 นัด และขมับ 1 นัด เสียชีวิตจมกองเลือดอยู่ท้ายรถเก๋ง โตโยต้าวีออส สีบรอนซ์ ทะเบียน กธ 8735 สุพรรณบุรี ที่เกิดเหตุพบเศษไม้ลักษณะคล้ายด้ามอาวุธปืนตกอยู่ 1 ชิ้น ห่างจากศพประมาณ 5 เมตร พบหัวกระสุนปืนไม่ทราบขนาดตกอยู่ 1 หัว เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน เหตุเกิดบนถนนเณรแก้ว ต.ท่าพี่เลี้ยง อ.เมืองสุพรรณบุรี เมื่อเวลา 21.50 น. วันที่ 9 มีนาคม 2565
วันนี้ (10 มีนาคม) พ.ต.อ.ธัชชัย ทิพเนตร ผู้กำกับการ สภ.เมืองสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุ ได้รับการประสานจาก สภ.อู่ทอง ซึ่งมีพื้นที่ติดกัน ว่ามีคนถูกยิงได้บาดเจ็บเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลอู่ทอง คาดว่าจะเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุยิงกันในตัวเมืองสุพรรณบุรี ถูกอาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงเข้าที่ชายโครงขวา 1 นัด ทราบชื่อคือ นายเพิ่มพูน ศิริวัฒน์ อายุ 22 ปี โดยมากับหญิงสาวอีก 1 คน ต่อมา นายโอม ถูกส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลศูนย์เจ้าพระยายมราช เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้อายัดตัว พร้อมกับจัดกำลังคุมเข้ม รอให้อาการดีขึ้นก่อนจะทำการสอบปากคำอย่างละเอียด
ส่วนความคืบหน้าของคดี ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนเร่งสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งจากพยานหลักฐานทราบว่า นายอนุพงษ์ หรือแบงค์ ผู้เสียชีวิต เป็นคู่อริกับนายโอม เคยมีเรื่องขัดแย้งกันมาก่อน เมื่อทั้งสองฝ่ายมาพบกับยังจุดเกิดเหตุ จึงได้มีปัญหากัน จนเกิดเหตุยิงสนั่นเมือง ทำให้ นายอนุพงษ์ เสียชีวิตคาที่ ส่วนฝ่ายใครจะเปิดฉากยิงก่อนนั้นอยู่ระหว่างเร่งสอบสวนและหาพยานหลักฐานอยู่
ทั้งนี้ชุดสืบสวนได้ควบคุมตัวผู้เกี่ยวข้องทั้งฝั่งเพื่อนนายโอม เป็นชาย 1 คน และหญิง 1 คน ไว้สอบสวนแล้ว รวมทั้งได้ควบคุมกลุ่มเพื่อนฝั่งของนายแบงค์ ผู้เสียชีวิต รวม 3 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 2 คน ไว้สอบสวนเช่นกัน
สำหรับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุของทั้งสองฝ่าย ขณะนี้กำลังให้ชุดสืบสวนเร่งตรวจสอบ โดยได้สั่งการให้กำลังชุดสืบสวนไล่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางอย่างละเอียด เพื่อนำมาประกอบกับพยานหลักฐานอื่น ๆ ล่าสุดทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับนายโอมและผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดี
ล่าสุดศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ได้อนุมัติหมายจับ นายเพิ่มพูน หรือโอม ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ว