เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 7 มีนาคม 2565 พล.ท.อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 เดินทางติดตามสถานการณ์ฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ ที่กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้าจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรับทราบสถานการร์แนวทางการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือหลายจังหวัด เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน
พล.ท.อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์หมอกควันไฟป่าในเขตภาคเหนือมาตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2564 สถานการณ์ในปีนี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศมากนัก เนื่องจากในช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีฝนตกในพื้นที่ จนกระทั่งต้นเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม 2565 คุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน จึงได้เดินทางเพื่อพูดคุยหาแนวทางในการแก้ไขปัญหากับกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้าจังหวัดเชียงใหม่
เนื่องจากขณะนี้คุณภาพอากาศได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในเขตภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดน่าน อย่างไรก็ตามในภาพรวมของปีนี้คาดว่าจะสามารถทำให้สภาพอากาศไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนมากนัก เนื่องจากในปีนี้ในภาคเหนือจะมีพายุฤดูร้อนเข้ามาในพื้นที่หลายครั้ง จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดปัญหาหมอกควันไฟได้บางส่วน ขณะเดียวกันในช่วงเวลาหลังจากนี้จะต้องมีการเฝ้าระวังการเปิดจุดความร้อนอย่างสูงสุด โดยเฉพาะในเดือนมีนาคม ต่อเนื่องเดือนเมษายน 2565 ที่คาดว่าจะเป็นช่วงที่มักจะเกิดไฟป่าในพื้นที่เป็นจำนวนมาก แต่เชื่อว่าในระยะเวลา 1เดือนนับจากนี้จะสามารถบริหารจัดการปัญหาได้เป็นที่น่าพอใจ
สำหรับปัญหาหมอกควันที่เกิดขึ้นจนมีกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ เกิดจากปัญหา 2 ส่วน คือการเกิดไฟป่าในพื้นที่ประเทศไทย และไฟป่าที่เกิดจากประเทศเพื่อนบ้านและลมพัดพาหมอกควันข้ามแดนเข้ามา จึงได้ให้หน่วยงานบริเวณชายแดนประสานกับประเทศเพื่อนบ้านให้ช่วยดูแลไฟป่าที่เกิดขึ้น เพื่อลดปัญหาหมอกควันข้ามแดนเข้ามา
ขณะเดียวกันขอความร่วมมือจากประชาชนจิตอาสา เข้ามามีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังไฟป่าในพื้นที่ที่อยู่อาศัย และพื้นที่ใกล้เคียงในหมู่บ้าน แต่อย่างไรก็ตามหากเกิดเหตุหนักขึ้น มีความจำเป็นต้องใช้ยุทโธปกรณ์ และ ผู้ที่มีความชำนาญในการเข้าควบคุมไฟป่า ทางเจ้าหน้าที่จะเข้าช่วยเหลือในทันที แต่ในเบื้องต้นในการลาดตระเวน หรือการดับไฟที่เกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยอยากให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการบริหารจัดการ
สำหรับจังหวัดในภาคเหนือขณะนี้มีความเป็นห่วงในพื้นที่จังหวัดน่าน และจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งขณะนี้จังหวัดแม่ฮ่องสอนสถานการณ์เริ่มดีขึ้น ยังเหลือจังหวัดน่านที่ต้องจับตาดูเป็นพิเศษ เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดน่านเป็นพื้นที่ป่า มีเขาสูงชัน จึงได้สั่งการไว้หากเกิดเหตุที่จังหวัดน่านให้นำอากาศยาน MI-17 และ KA-32 เข้าให้การช่วยเหลือ พร้อมทั้งส่งกำลังพลเสริมหนุนให้การช่วยเหลือทันที
ขณะที่จุดความร้อนในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จากดาวเทียมระบบ VIIRS ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 6 มีนาคม 2565 เกิดจุดความร้อนสะสมจำนวน 1,741 จุด โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพชรบูรณ์ และจังหวัดลำปาง ส่วนใหญ่เกิดจุดความร้อนในพื้นที่ป่าสงวน จำนวน 693 จุด, พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 679 จุด ,พื้นที่เกษตร 171 จุด และพื้นที่เขต สปก. 126 จุด
นอกจากนี้ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กอ.รมน.จังหวัด 17 จังหวัดภาคเหนือ ได้ลงพื้นที่ ลาดตระเวนร่วมกับหน่วยงานเพื่อป้องปรามการเผาป่า และการทำแนวกันไฟและร่วมดับไฟกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำนวน 249 ครั้ง ขณะที่ชุดปฏิบัติการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน จำนวน 15 ชุด ลงพื้นที่เป้าหมายในการทำแนวกันไฟในพื้นที่เสี่ยง รณรงค์สร้างจิตสำนึกลดการเผาในชุมชน พร้อมร่วมสร้างฝายในพื้นที่ป่าเพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้ป่าต้นน้ำ ลดปัญหาหมอกควัน จำนวน 21 ครั้ง
ในช่วงที่ผ่านมามีการจับกุมผู้กระทำผิดต่อประกาศจังหวัดลำปาง เรื่อง ห้ามเผาป่าและพื้นที่โล่ง ยกเว้นพื้นที่ตามแผนการบริหารจัดการเชื้อเพลิง ที่ อ.งาว จังหวัดลำปาง 1 ราย และที่ อ.แม่สอด จังหวัดตาก 1 รายจากการเผาในพื้นที่แปลงเกษตรปลูกไร่อ้อย พื้นที่เสียหายประมาณ 2 ไร่ โดยตั้งข้อกล่าวหาว่า “ฝ่าฝืนประกาศจังหวัด เรื่อง ขอความร่วมมือห้ามเผาในพื้นที่จังหวัดตาก จึงได้นำตัวผู้ต้องหาทำบันทึกจับกุม และนำส่งพนักงานสอบสอบ สภ.แม่สอด เพื่อดำเนินคดี
ภาพ/ข่าว: นิศานาถ กังวาลวงศ์ ศูนย์ข่าวเนชั่นภาคเหนือ