28 กุมภาพันธ์ 2565 นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ ระบุถึงกรณีที่หลายโรงพยาบาลเริ่มขาดแคลนยาฟาวิพิราเวียร์ ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ว่า สต๊อคยาฟาวิพิราเวียร์ในส่วนกลางได้มีการกระจายไปทั่วประเทศแล้ว คงเหลือเพียงเล็กน้อย ยืนยันมีเพียงพอ
“ในช่วงที่ผ่านมา ผู้ป่วยโควิด-19 มีจำนวนที่เพิ่มขึ้นและความต้องการยาที่มากขึ้น อาจจะทำให้ในช่วงแรกมีปัญหาติดขัดบ้างในการกระจายยา แต่หลัง 3 มีนาคม จะกลับมาปกติ เนื่องจากจำนวนยาฟาวิพิราเวียร์จะเข้ามาเพิ่มเติมในระบบจำนวนมาก ซึ่งหลักๆแล้ว องค์การเภสัชกรรมจะมีหน้าที่เป็นผู้จัดหา จัดซื้อ นำเข้า และผลิตเองด้วย”
สำหรับข้อบ่งชี้ ในการจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ ผู้ป่วยโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นระบบไหน หากเป็นผู้ติดเชื้อ ไม่มีอาการหรืออาการน้อยมาก ไม่มีความเสี่ยง แพทย์จะพิจารณาไม่จ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ให้ แต่อาจจะมีดุลยพินิจจ่ายยาชนิดอื่นในการรักษาแทน เช่น ยาฟ้าทะลายโจร
ส่วนผู้ติดเชื้อที่จะได้รับการจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ เช่น ผู้ป่วยโควิด-19 ถึงแม้จะมีอาการน้อย แต่มีโรคประจำตัวร่วมด้วย หรือ ผู้ติดเชื้อที่มีผลเอ็กซเรย์ปอดบวม มีไข้นาน ออกซิเจนต่ำ แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับ ดุลยพินิจของแพทย์ ทั้งนี้การให้ยาฟาวิพิราเวียร์จะให้ประสิทธิผลในการรักษาในช่วง 5 วันแรกของการติดเชื้อ
ส่วนความคืบหน้า ยาโมลนูพิราเวียร์ คาดว่า ปลายเดือนมีนาคม หรือ ต้นเดือนเมษายน จะนำเข้ายาโมลนูพิราเวียร์มายังประเทศไทยได้ ส่วนยาแพล็กโลวิด อยู่ระหว่างในการทำสัญญาจัดซื้อ
ก่อนหน้านี้ ภญ.ศิริกุล เมธีวีรังสรรค์ รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ระบุถึงสถานการณ์การระบาดโรคโควิด-19 ในประเทศ ทำให้มีความต้องการใช้ “ยาฟาวิพิราเวียร์” ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 องค์การเภสัชกรรม ได้มีการบริหารจัดการสำรอง “ยาฟาวิพิราเวียร์” (Favipiravir) ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ดังกล่าว
ขณะนี้ องค์การเภสัชกรรม มีการสำรอง จำนวน 24 ล้านเม็ด และทำการการผลิตเพิ่มเติมอีก จำนวน 60 ล้านเม็ด รวมการสำรองทั้งสิ้น 84 ล้านเม็ด เพื่อกระจายสู่หน่วยบริการแม่ข่ายอย่างต่อเนื่อง