svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

วิกฤตรัสเซีย-ยูเครน ยังไม่ส่งผลกระทบไทย ซีพี ระบุ เป็นปัจจัยเสี่ยงศก.โลก

24 กุมภาพันธ์ 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

จับตาวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน ‘ซีพี’ ชี้ ปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจโลก สภาธุรกิจไทย-รัสเซีย ระบุ ยังไม่กระทบส่งออก ห่วง ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ “ทูตพาณิชย์” หวั่น ห้ามใช้เงินรูเบิล กระทบนักธุรกิจไทย

24 กุมภาพันธ์ 2565 ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน นำไปสู่มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียจากหลายประเทศ ทั้ง สหรัฐฯ สหภาพยุโรป (อียู) อังกฤษ ญี่ปุ่น ในขณะที่นักธุรกิจไทยหลายรายที่เข้าไปทำธุรกิจในรัสเซีย ซึ่งถือเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพของผู้ส่งออกไทย กำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

 

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ซึ่ง บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ หนึ่งในบริษัทไทยที่เข้าไปลงทุนในรัสเซีย ด้านผลิตอาหารสัตว์และเลี้ยงสุกร ระบุว่า ความตึงเครียดระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน และนาโต้ ถือว่า เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก แต่อย่างไรก็ตาม คิดว่าในวิกฤตยังเป็นโอกาสกรณีที่เกิดสงคราม จริงๆ แล้วภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย ยังถือว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ผลกระทบจะเกิดขึ้นมากในฝั่งยุโรป ส่วนสหรัฐแม้จะอยู่ไกลแต่ก็น่าจะมีผลกระทบบ้าง

 

“ผมคิดว่าถ้าเราเดาใจรัสเซีย นี่จะเป็นจังหวะเวลา เป็นไทม์มิ่งที่เหมาะสมที่จะสร้างอำนาจต่อรองกับเหล่าประเทศยุโรปและพยายามไม่ให้ยูเครนเป็นปรปักษ์ต่อตนเอง ผมคิดว่าคงไม่มีใครตั้งใจให้ไปถึงการเกิดภาวะสงคราม ดังนั้นในตอนนี้ เราต้องมองในแง่บวกไว้ก่อน” นายศุภชัย กล่าว

 

นายศุภชัย กล่าวต่อ ส่วนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะเริ่มเห็นสัญญาณไปในทางบวกในไตรมาส 3 ปี 2023 ซึ่งจะทยอยฟื้นตัวภายใต้ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญโดยเฉพาะโควิด-19 ซึ่งส่วนตัวมองว่าจะเป็นโอกาสของแต่ละธุรกิจที่จะเตรียมตัวและตั้งตัวเพื่อไปสู่ธุรกิจหลังโควิด-19 บรรเทาลง

ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาธุรกิจไทย-รัสเซีย กล่าวว่า สิ่งที่น่ากังวล ในขณะนี้อยู่ที่ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ หลังจากที่หลายประเทศออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งจะทำให้การทำธุรกรรมระหว่างนักธุรกิจไทยและรัสเซียมีขั้นตอนและต้นทุนทางการเงินเพิ่มมากขึ้น เพราะนักธุรกิจไทยและรัสเซียอาจทำธุรกรรมการเงินผ่านธนาคารในรัสเซียไม่ได้ ต้องดำเนินการผ่านธนาคารในประเทศอื่น

 

รัสเซียถือเป็นคู่ค้าสำคัญของไทยจัดอยู่ในกลุ่มตลาดใหม่ ในขณะที่มีนักท่องเที่ยวรัสเซียเดินทางมาประเทศไทยมากถึง 1.5 ล้านคนต่อปีในช่วงโควิด-19 และเป็นนักท่องเที่ยวที่อยู่ในไทยเป็นระยะเวลานาน มีการใช้จ่ายในเกณฑ์ที่สูง อย่างไรก็ตามหากมีความขัดแย้งที่รุนแรงบานปลายจะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยได้

 

โดยไทยกับรัสเซียมีการตั้งเป้าหมาย ความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่เป็นการค้าการลงทุนระหว่าง 2 ประเทศไว้ที่ 3.5 แสนล้านบาทต่อปี หรือประมาณ 1 หมื่นล้านดอลาร์สหรัฐ แต่ยังไม่ถึงเป้าหมายดังกล่าวได้

 

ในปี 2564 ที่ผ่านมาไทยส่งออกสินค้าไปยังรัสเซียเป็นมูลค่า 1,027 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 41.68% โดยมีสินค้าที่ส่งออกสำคัญ ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์รถยนต์ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องจักร เม็ดพลาสติก และผลไม้แปรรูป ส่วนรัสเซียส่งออกสินค้ามายังไทยเป็นมูลค่า 1,278 ดอลลาร์ โดยมีสินค้า 5 อันดับที่ส่งเข้ามา คือ น้ำมันดิบ ปุ๋ย เหล็ก และสินค้าแร่ เป็นต้น

 

ส่วนประเทศยูเครน มีธุรกรรมทางเศรษฐกิจกับไทยไม่มากนัก โดยในปี 2564 ไทยส่งออกสินค้าไปยูเครนเป็นมูลค่าเพียง 134.79 ดอลลาร์

ขณะที่นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า การที่ชาติตะวันออกและสหรัฐใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย เห็นว่าเป็นเรื่องที่อ่อนไหวมาก โดยเฉพาะประเด็นพลังงาน ซึ่งรัสเซียเป็นประเทศสำคัญในการขนส่งพลังงานให้กลุ่มประเทศยุโรป อาจส่งผลให้ราคาพลังงานปรับเพิ่มขึ้นได้อีก แต่ไม่น่าจะแกว่งตัวไปมากกว่าปัจจุบัน เพราะยังมีตัวช่วย คือ อิหร่านที่ส่งออกน้ำมันเพิ่มได้

 

สิ่งที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ คือ มาตรการตอบโต้ของรัสเซียจะใช้รูปแบบอย่างไร เพราะรัสเซียก็เป็นประเทศมหาอำนาจหนึ่งในโลกคงไม่อยู่นิ่งเฉยแน่ ผลกระทบที่ตามมาคือ กระทบต่อตลาดสำคัญในยุโรป ซึ่งไทยส่งออกไปยุโรป 8%

 

“ต้องจับตาจากนี้ไปอีก 1 เดือน ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรเพราะตัวแปรมีมาก และหากรุนแรงย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งเมื่อถึงขั้นรุนแรง สรท.จะตั้งวอร์รูมเพื่อประเมินสถานการณ์เป็นระยะว่า จะกระทบส่งออกของไทยมากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้ สรท.กำลังทำข้อมูลประเมินว่าหากสถานการณ์ยืดเยื้อเกิน 1 เดือน ถึงสิ้นปี ผลกระทบเป็นอย่างไร และหากปะทะรุนแรง แต่ละอุตสาหกรรมจะกระทบแค่ไหน“ นายชัยชาญ กล่าว

 

ประธานสรท. กล่าวต่อ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนในขณะนี้ ยังไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกและนำเข้าของไทย ถ้าเดือน มี.ค.นี้ยังไม่มีการปะทะกันอย่างรุนแรง และท่าเรือยังเปิดให้บริการตามปกติ สินค้าที่ไทยส่งออกไปยังรัสเซีย ทั้งรถยนต์ ชิ้นส่วนและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง อาหาร เป็นต้น

 

ทั้งนี้ มั่นใจว่าภาพรวมการส่งออกของไทยในไตรมาสแรกจะเติบโตได้ 5% แน่นอน อย่างไรก็ตามต้องติดตามว่า หากสถานการณ์ยืดเยื้อและไม่บรรลุข้อตกลงที่จะยุติสถานการณ์นี้ ประกอบกับหากรัสเซียออกมาตรการตอบโต้จะส่งผลกระทบในระยะยาวแน่ แม้ไม่กระทบโดยตรงแต่เป็นการกระทบโดยอ้อมอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากพื้นที่ความขัดแย้งเป็นพื้นที่ติดต่อกับยุโรป ซึ่งเป็นตลาดสำคัญของไทย มีผลต่อความมั่นใจของนักลงทุนและผู้ประกอบการในกลุ่มชาติยุโรป

 

นายกิตตินันท์ ยิ่งเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย กล่าวว่า วันนี้ยังไม่กระทบการส่งออก-นำเข้าของไทย เท่าที่ตรวจสอบข้อมูลการคว่ำบาตรของชาติยุโรปและสหรัฐในเบื้องต้น เป็นการตอบโต้กรณีรัสเซียที่ประกาศรับรองเอกราชของแคว้นโดแนตสก์ -ลูฮันสก์ โดยการคว่ำบาตรใช้สำหรับตัวบุคคลที่สนับสนุนรัสเซียบุกยูเครน เช่น อายัดทรัพย์สินของบุคคล หรือ บางตระกูลของชาวรัสเซีย การห้ามเข้าประเทศ มาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงจะเกิดขึ้นกับสถานการณ์ที่รัสเซียบุกยูเครน

 

ขณะนี้ยังไม่ส่งผลต่อการทำธุรกิจ ธุรกรรมทางการเงิน การส่งออก นำเข้า ไทยยังส่งสินค้าไปได้ตามปกติ จะกระทบก็ต่อเมื่อมีการตัดการใช้เงินรูเบิลของรัสเซีย โดยไม่ให้แลกเปลี่ยนเงินเพื่อชำระสินค้าได้ ส่วนภาคเอกชนไทยที่ทำธุรกิจในรัสเซียยังไม่ได้มาขอความช่วยเหลือหรือแสดงความกังวลจากสถานการณ์ดังกล่าว แต่ต้องเฝ้าระวังเป็นระยะว่ามาตรการดังกล่าวจะกระทบการส่งออกไทยหรือไม่

ที่มากรุงเทพธุรกิจออนไลน์

logoline