นายกฯติงอย่าชี้นำใช้ ม.44 แก้เหมืองทอง ทำผิดกฎหมาย

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ญัตติอภิปรายทั่วไปไม่ลงมติ วันที่ 2 มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 09.00 น. โดย น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย พูดถึงคดีเหมืองทองอัครา ว่า พรรคเพื่อไทย นำเรื่องนี้มาเปิดเผยในสภา 3 ครั้ง และตั้งคำถามต่อ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. ในขณะนั้น แต่ก็ตอบไม่ตรงคำถาม ปกปิดเป็นความลับ ทำให้เกิดความสลับซับซ้อนเป็นคดีระหว่างประเทศที่ดำมืด มีแนวโน้มเกิดความเสียหายร้ายแรงต่อประเทศไทย

วันนี้จึงต้องขออภิปรายเป็นครั้งที่ 4 หวังว่านายกฯ จะตอบคำถามเอง แต่จากการที่ติดตามการชี้แจงวานนี้  นอกจากนายกฯ จะหลงในอำนาจแล้วยังหลงตัวเองอีก กล้าเอาตัวเองไปเปรียบกับพระราม ซึ่งพระรามมีลูกสมุนเป็นลิง ลิงก็ต้องเลี้ยงด้วยกล้วย สถานการณ์อาจคล้ายๆกับที่ พลเอก ประยุทธ์ เผชิญอยู่ จึงเอาตัวเองไปเปรียบเทียบแบบนั้น

ประเด็นแรกที่อยากถามคือ คดีเหมืองทองอัครา ถูกเลื่อนการชี้ขาดอย่างน้อย 3 ครั้ง และล่าสุดเดิมมีกำหนดออกคำชี้ขาด 31 มกราคม 2565 ก็ถูกเลื่อนไปอีกโดยไม่มีกำหนด สรุปว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีการเลื่อนคำชี้ขาดไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง ซึ่งการเลื่อนในแต่ละครั้ง ใครเป็นคนขอเลื่อน เลื่อนเพราะอะไร เลื่อนแล้วใครได้ประโยชน์ ใครเสียประโยชน์ เพราะมีข้อสังเกตว่าทุกครั้งที่มีการเลื่อนอ่านคำชี้ขาด จากนั้นไม่นานประเทศไทยจะทยอยคืนสิทธิ์ในการทำเหมือง เพิ่มพื้นที่สำรวจแร่ทองคำเกือบทุกครั้ง

และตั้งแต่ไทยถูกบริษัทคิงส์เกตฟ้องร้อง รัฐบาลไม่เคยชี้แจงกับประชาชนว่าโดนฟ้องร้องในประเด็นใด เรียกค่าเสียหายเท่าไหร่ ตนจึงต้องนำคดีไปเปรียบเทียบกับคดี เหมืองทองในเวเนซุเอลาซึ่งมีความคล้ายกัน โดยประเมินว่าหากแพ้คดี ประเทศไทยต้องจ่ายค่าเสียหายอย่างน้อย 3 หมื่นล้านบาท แต่นายกฯ ชี้แจงว่า ตัวเลขดังกล่าวเป็นการคาดการณ์ไปเอง

 จึงขอถามกลับว่าแล้วทำไมนายกฯ ไม่กล้าบอกความจริงประชาชน และอย่าอ้างว่าตอบไม่ได้เพราะเป็นความลับที่อนุญาโตตุลาการไม่ให้เปิดเผย เพราะแถลงการณ์ของบริษัทคิงส์เกตที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ประเทศออสเตรเลีย ระบุว่าอนุญาโตตุลาการมีคำสั่งให้กระบวนการพิจารณาเป็นความลับ เว้นแต่การเปิดเผยนั้นเป็นไปตามการทำหน้าที่ตามกฎหมาย

นอกจากนี้ มองว่าอาจมีกระบวนการประนีประนอมยอมความเพื่อให้ถอนฟ้อง เพราะไม่ต้องการให้ศาลระหว่างประเทศตัดสิน หรือ ชี้สถานะทางกฎหมายของคำสั่งของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามมาตรา 44 ว่าเป็นกฎหมายที่ไม่มีความชอบธรรมในสากล เพราะเป็นกฎหมายเถื่อนไม่ผ่านสภาฯ เป็นคำสั่งที่ออกจากคณะรัฐประหาร

ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า หากอนุญาโตตุลาการฯ ชี้สถานะว่ามาตรา 44 ไม่มีผลทางกฎหมายจะกลายเป็นสึนามิต่อรัฐบาล ที่ใช้มาตรา 44 กับบริษัทคิงส์เกตฯ ซึ่งเป็นต่างชาติ  อาจทำให้ พลเอก ประยุทธ์ ถูกตีความเป็นองค์กรอาชญากรรม กลายเป็นหัวหน้าคณะรัฐประหารคนไทยคนแรก ขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ ทำให้มีการเจรจาถอนฟ้อง หากการตัดสินมาตรา 44 ว่าผิด จะมีอาฟเตอร์ช็อคต่อรัฐบาลทั้งคณะ …มีข้อแนะนำเดียว คือ เตรียมทีมทนายในและต่างปะเทศไว้ให้ดี

นายกฯ บอกอย่าชี้นำใช้ ม.44 แก้เหมืองทอง ผิดกฎหมาย จากนั้น พลเอก ประยุทธ์ ลุกขึ้นชี้แจงกรณีเมืองทองอัครา ว่า ผู้อภิปรายกำลังชี้นำว่าการใช้ ม.44 ของตนมีความผิด เหมือนอยากให้ประเทศชาติเสียหาย และตนเองเสียหาย จะเห็นว่าการดำเนินการใดที่ไม่ถูกต้องก็ควรอธิบายให้เข้าใจ อย่ามาผูกเรื่องกับเหมืองทอง ให้คนเข้าใจผิด

สำหรับการเลื่อนอ่านคำพิพากษา เป็นไปตามของกฏหมาย และการทำเหมืองไม่สามารถทำในที่เขตอุทยานหรือพื้นที่ความมั่นคงได้ สิ่งทำเราทำคือการแก้ปัญหา และขอให้ไปดูรายละเอียดของ ม.44 ให้ดี ซึ่งเขียนว่าให้มีการตรวจสอบทุกเหมืองทุกประเภท ต้องทำอยู่ในกรอบกฎหมาย เมื่อแก้ไขแล้วและขออนุญาตเปิดใหม่ก็ทำได้ แต่ยืนยันว่า ไม่ได้ไปยึดเหมือง โดยได้มีการพูดคุยในคณะอนุญาโตตุลาการแล้ว การที่รัฐบาลเข้ามาแก้ปัญหาก็เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงเรื่องสุขภาพด้วย การแก้ปัญหาเรื่องเดียวที่ทับซ้อนมากว่า 10 กว่าปี ยากยิ่งกว่าการทำอะไรใหม่ๆ 10 เรื่อง

ทั้งนี้ รู้สึกดีใจที่มีคนพูดถึงเรื่องนี้ ทั้งที่เข้าใจและไม่เข้าใจ แต่ตนไม่สามารถบอกได้ว่าใครผิดใครถูก ขอให้ระมัดระวังการพูดจาด้วย ถ้าเกิดปัญหาในอนาคต ไม่ใช่ตนคนเดียว แต่จะย้อนกลับไปสู่รัฐบาลปีไหนไม่รู้ ทำไมไม่แก้ปัญหาตั้งแต่ตอนนั้น และการมาอภิปรายครั้งนี้ ก็มีหลายเรื่องที่ไม่เคยแก้ไขมาก่อน แต่มาแก้ในรัฐบาลนี้ บางเรื่องอยู่ในกระบวนการก็มาตีให้แตก แล้วประเทศไทยจะไปทางไหน พร้อมถามกลับว่า มีวิธีแก้ไขปัญหาให้ดีกว่านี้หรือไม่ ตามมาตรา 152 หากพูดกันแบบนี้ก็คงไม่มีประโยชน์ อยากให้สภารับฟัง รับข้อเสนอแนะ และตนก็พร้อมรับฟัง จะมาหวังตีรัฐบาล ล้มรัฐบาล ไม่ได้ ไม่ถูก ไม่ใช่หน้าที่ของท่าน

พร้อมระบุอีกว่าเมื่อวานมีคนให้ตนยื่นใบลาออก แต่ขอให้เก็บใบนั้นไว้กับตัวเองแล้วกัน ตนยังไม่ลาออก