svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

สั่งเด้ง "ร.ต.อ.หัวร้อน" ข่มขู่ "อัยการเพชรบุรี" ฉุนถูกสั่งทำสำนวนคดีเพิ่ม

12 กุมภาพันธ์ 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี สั่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง พร้อมเด้ง "ร.ต.อ.หัวร้อน" ออกจากพื้นที่ หลัง "อัยการ" ร้องเรียน ปมสั่งทำสำนวนคดีเพิ่ม แต่อีกฝ่ายไม่พอใจ ส่งข้อความข่มขู่

กลายเป็นข่าวฉาววงการตำรวจในเวลานี้ เมื่ออัยการจังหวัดเพชรบุรีท่านหนึ่ง ทำบันทึกข้อความถึงอธิบดีอัยการภาค 7 และอัยการสูงสุด อ้างว่า เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังได้รับสำนวนการสอบสวนคดีที่หญิงสาว ถูกกล่าวหากระทำความผิด ฐาน ลักทรัพย์ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ โดยมี “ร.ต.อ.” พนักงานสอบสวน สภ.ท่ายาง เป็นผู้รับผิดชอบ ที่จะครบกำหนดฝากขังผู้ต้องหาครั้งที่ 4 ครั้งสุดท้าย ในวันที่ 14 ก.พ.นี้

 

โดยวันที่ 7 ก.พ.อัยการจังหวัดเพชรบุรี มีคำสั่งจ่ายสำนวนตามระเบียบให้ผู้ทำบันทึก เป็นเจ้าของสำนวน เมื่อตรวจสำนวนเบื้องต้น พบพยานหลักฐานยังไม่เรียบร้อย ขาดเอกสารสำคัญหลายประเภท และมีการแจ้งข้อกล่าวหาไม่ จึงแจ้งพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ เพื่อให้ทราบข้อบกพร่อง ก่อนจะออกหนังสือสั่งการ แต่ทาง “ร.ต.อ.” แสดงน้ำเสียงไม่พอใจ และกล่าวว่า “ท่านจะเอาเอกสารไปทำไม เพื่อประเด็นอะไร”

สั่งเด้ง "ร.ต.อ.หัวร้อน" ข่มขู่ "อัยการ" ฉุนถูกสั่งทำสำนวนคดีเพิ่ม

เมื่อตอบกลับว่า “เอามาใช้ร่างฟ้อง เพราะข้อเท็จจริงตามที่สอบสวนมาไม่ครบครับ” ทางตำรวจคู่กรณีพูดกลับว่าต้องการหลักฐานอะไรบ้าง จึงชี้แจงหลักฐานที่ต้องการ จนวันรุ่งขึ้น มีการนำหลักฐานมาให้เพิ่มเติม ก่อนที่ตนเองจะโทรศัพท์แจ้ง “ร.ต.อ.” ให้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ฐานความผิดเข้าถึงโดยมิชอบ ซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตนด้วย

แต่ “ร.ต.อ.” มีน้ำเสียงไม่พอใจและกล่าวว่า “ทำไมต้องแจ้งเพิ่ม มันมีข้อหาใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ท่านดูโทษหรือยังว่าโทษมันหนักกว่า เคยปรึกษา ผกก.แล้ว บอกว่าไม่ต้องแจ้ง” จึงอธิบายกลับไปว่า “ผกก.ไม่ได้ฟ้อง ผมเป็นคนฟ้อง และผู้ต้องหากระทำความผิดข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ด้วย”

 

จากนั้น “ร.ต.อ.” พูดตอบอย่างมีอารมณ์ว่า “เอาจริงๆ ผมไม่ว่างแจ้งหรอกอบรมสารวัตรอยู่” และ “อยากจะสั่งอะไรก็สั่งมา สั่งมา สั่งมาเลย ผมจะได้รู้ด้วยว่าคุณเป็นใครชื่ออะไร” ก่อนตัดสายโทรศัพท์ทิ้ง ซึ่งในวันเดียวกันนั้น มีข้อความปริศนาส่งมาหา ระบุข้อความว่า “เป็นอะไรมากป่าว อยากโชว์กันหรอ มาทำลูกพี่ก่อนนะ เดินทางปลอดภัยนะ เดี๋ยวอาจจะได้เจอกัน”

สั่งเด้ง "ร.ต.อ.หัวร้อน" ข่มขู่ "อัยการ" ฉุนถูกสั่งทำสำนวนคดีเพิ่ม

อีกข้อความระบุว่า “ทำอะไร ทำดีๆ นะ คิดให้ดี ขอโทษยังทัน” และ “ชอบจัง คนมีอื่น ผ่านมาท่ายาง ถ้าดูแลรักษาตัวให้ดี เช็คเบสแปบ ถ้าผ่านมา” หรือ “คุณมีกัน เรามีนอกเกม นะจ้ะ อยากๆๆๆ อยากเจอโว้ยยย”

 

กระทั่งวันที่ 9 ก.พ.ทาง ผกก.สภ.ท่ายาง และ “ร.ต.อ.” ได้เข้าพบอัยการจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งตนเองร่วมเจรจาด้วย เบื้องต้นคู่กรณีปฏิเสธว่า ไม่ได้เป็นผู้ส่งข้อความเข้ามา แม้จะมีการยืนยันว่าเป็นของอีกฝ่าย โดยมีท่าทีแข็งกร้าว ไม่ให้ความเคารพผู้บังคับบัญชาตนเอง และไม่ให้ความเคารพอัยการ

จากนั้นได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานที่ สภ.เมืองเพชรบุรี เนื่องจากบุคคลที่ส่งข้อความดังกล่าวมาหาตนเอง ในฐานะพนักงานอัยการ ย่อมเป็นการดูหมิ่น เหยียดหยามข้าราชการระดับสูงอย่างร้ายแรง และยังเป็นการข่มขู่ให้เกิดความกลัว หวาดระแวง ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์อันดี ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด รวมถึงก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยของพนักงานอัยการ ในการปฏิบัติหน้าที่อย่างร้ายแรงที่สุด

 

เนื่องด้วย “ร.ต.อ.” เป็นเจ้าพนักงานที่สามารถพกพาอาวุธปืนได้ ทำให้ตนเองมีความหวาดระแวงในการใช้ชีวิตประจำวัน จึงใคร่ขอกราบเรียนให้มีการกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยเป็นการเร่งด่วน

 

ขณะที่ล่าสุด พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมเซ็นคำสั่งให้ “ร.ต.อ.” ที่ถูกกล่าวหาข่มขู่ “อัยการ” ไปช่วยราชการในกลุ่มงานสอบสวน บก.ภ.จว.เพชรบุรี มีผลตั้งแต่วันนี้ (12 ก.พ.) เป็นต้นไป

สั่งเด้ง "ร.ต.อ.หัวร้อน" ข่มขู่ "อัยการ" ฉุนถูกสั่งทำสำนวนคดีเพิ่ม

logoline