5 วิธีเช็กสิทธิ์ "บัตรทอง" และ 6 อาการภาวะฉุกเฉินวิกฤต ที่รักษาไม่เสียตังค์
30 มกราคม 2565 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เผย 5 วิธีเช็กสิทธิ์บัตรทอง ทำได้ด้วยตัวเอง ดังนี้
- โทรสายด่วน สปสช. 1330 กด 2
- เว็บไซต์ www.nhso.go.th เลือก สำหรับประชาชน เลือก ตรวจสอบสิทธิ : คลิกที่นี่
- แอปพลิเคชัน สปสช. ทั้งระบบ Android และ iOS เลือก ตรวจสอบสิทธิตนเอง
- ตรวจสอบสิทธิผ่าน ไลน์ สปสช. โดยสแกน QR CODE เลือกเมนู ตรวจสอบสิทธิ
- ติดต่อด้วยตัวเอง ดังนี้
1.สำนักงานเขตกทม. 19 พื้นที่
2.สปสช. เขตพื้นที่ 1-13
3.โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
4.โรงพยาบาลของรัฐ
เปลี่ยนหน่วยบริการง่าย ๆ ผ่าน 2 ช่องทาง
ช่องทางที่ 1 ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันชื่อ สปสช. ทั้งระบบ Android และ iOS เลือกทำรายการ ลงทะเบียน เปลี่ยนแปลงหน่วยบริการ
ช่องทางที่ 2 เพิ่มเพื่อนไลน์ สปสช. (@ nhso) จากนั้นเลือกเมนู เปลี่ยนหน่วยบริการ
เปลี่ยนหน่วยบริการประจำได้ที่ไหนบ้าง หากไม่สะดวกดำเนินการผ่านสมาร์ทโฟน สามารถทำได้ดังนี้
- ติดต่อด้วยตนเองในวันเวลาราชการ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) หรือสถานีอนามัย ศูนย์บริการสาธารณสุข คลินิกชุมชนอบอุ่น ศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง โรงพยาบาลของรัฐ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 1 - 12
- ระบบโทรศัพท์อัตโนมัติ โทร. 1330 กด 2 ตามด้วยเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก และกด # กดโทรออก
การดำเนินการใช้เพียงบัตรประชาชนใบเดียว
- ใช้บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง หากที่พักอาศัยปัจจุบันตรงกับบัตรประชาชน
- เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ถ้าไม่มีบัตรประชาชนให้ใช้สูติบัตร (ใบเกิด)
- เปลี่ยนหน่วยบริการ กรณีที่พักไม่ตรงกับทะเบียนบ้านแค่แสดงหลักฐานเพิ่ม อย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้
1.หนังสือรับรองการพักอาศัยจากเจ้าบ้าน พร้อมสำเนาทะเบียนบ้าน
2.หนังสือรับรองจากผู้นำชุมชน พร้อมสำเนาบัตรประชาชนของผู้นำชุมชน
3.เอกสารหลักฐานแสดงที่ตั้งบริษัท / ห้างร้าน นายจ้าง / ผู้ว่าจ้างรับรองการพักอาศัยจริง พร้อมสำเนาบัตรประชาชนของผู้ว่าจ้าง / ผู้รับจ้าง
4.เอกสารหรือหลักฐานอื่น ใบเสร็จค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ หรือสัญญาเช่าที่มีชื่อตนเองที่แสดงว่าพักอาศัยอยู่ในพื้นที่นั้น ๆ
กรณีมอบหมายให้ผู้อื่นลงทะเบียนแทน ต้องมีหนังสือมอบอำนาจ และสำเนาบัตรประชาชนของผู้มอบอำนาจ พร้อมสำเนาบัตรประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ
เปลี่ยนหน่วยบริการได้ไม่เกิน 4 ครั้งต่อปี สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สปสช. โทรสายด่วย 1330 ตลอด 24 ชั่วโมง
เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตใช้สิทธิ์ทุกที่
กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต คนไทยทุกคนไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายในการรักษา สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ในโรงพยาบาลใกล้ที่สุดทั้งรัฐและเอกชน โดยรัฐจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นใน 72 ชั่วโมงแรก
6 อาการที่เข้าข่ายภาวะฉุกเฉินวิกฤติ
- หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ
- หายใจเร็ว หอบเหนื่อยรุนแรง หายใจติดขัดมีเสียงดัง
- ซึมลง เหงื่อแตก ตัวเย็นหรือมีอาการชักร่วม
- เจ็บหน้าอกเฉียบพลัน รุนแรง
- แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก พูดไม่ชัดแบบปัจจุบันทันด่วน หรือชักต่อเนื่องไม่หยุด
- มีอาการอื่นที่มีผลต่อการหายใจ ระบบการไหลเวียนโลหิต และระบบสมองที่เป็นอันตรายต่อชีวิต
- ข้อควรปฏิบัติในการนำผู้ป่วยฉุกเฉินไปโรงพยาบาล
ข้อปฏิบัติ
- เตรียมบัตรประชาชนไปด้วย
- เข้าโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
- ยื่นบัตรประชาชนของผู้ป่วย (ถ้ามี) พร้อมแจ้งขอใช้สิทธิ์ฉุกเฉิน
- หากโรงพยาบาลเรียกเก็บเงิน ให้ยืนยันการใช้สิทธิ์ฉุกเฉิน โดยอ้างสิทธิ์ตามนโยบายรัฐบาล
- เมื่อแพทย์แจ้งว่าผู้ป่วยพ้นวิกฤตและสามารถเคลื่อนย้ายได้ ให้ประสานโรงพยาบาลตามสิทธิ์ เพื่อรับการรักษาต่อเนื่อง
- หากไม่ได้รับความสะดวกในการใช้สิทธิ์ แจ้งเรื่องได้ที่ สปสช. สายด่วน 1330
- สอบถามข้อมูลเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต โทรสายด่วน 1669