svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

นพ.ศุภกิจ เผย ไทยพบผู้ติดเชื้อโควิดโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.2 แล้ว 9 ราย

26 มกราคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผย ไทยพบผู้ติดเชื้อโควิดโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.2 ยอดสะสม 9 ราย ยืนยัน การแพร่เชื้อและความสามารถในการหลบภูมิคุ้มกัน ล่าสุดยังไม่พบความแตกต่างจากสายพันธุ์ BA.1

ความคืบหน้าทางด้านวิชาการเกี่ยวกับ สถานการณ์โควิด-19 ล่าสุด นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า กรมวิทย์ฯ ได้ติดตามสถานการณ์การระบาดของสายพันธุ์ในประเทศ และ ติดตามสายพันธุ์น่ากังวลที่อาจพบจากผู้เดินทางเข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง

ด้วยเทคโนโลยีการตรวจการกลายพันธุ์ (SNP genotyping assay, Targeted sequencing, Whole genome sequencing) ตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 เป็นต้นมา ซึ่งพบสายพันธุ์ที่น่ากังวลในประเทศไทย (Variant of Concerns; VOC)

นพ.ศุภกิจ เผย ไทยพบผู้ติดเชื้อโควิดโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.2 แล้ว 9 ราย

ได้แก่ อัลฟา (อังกฤษ) เบตา (แอฟริกาใต้) เดลตา (อินเดีย) จนกระทั่งพบสายพันธุ์โอมิครอน รายแรกเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2564 โดยเป็นโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.1 พบการกลายพันธุ์ตำแหน่ง K417N, T478K, N501Y และ del69/70

 

แต่ไม่พบการกลายพันธุ์ตำแหน่ง L452R ซึ่งเป็นรูปแบบการกลายพันธุ์รูปแบบหนึ่งของสายพันธุ์โอมิครอน โดยในช่วงแรกประเทศไทยยังคงพบเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน เฉพาะในกลุ่มผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และประมาณสามสัปดาห์ต่อมาเริ่มพบผู้ติดเชื้อในประเทศ โดยเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ที่พบในคลัสเตอร์ดังกล่าวเป็นสายพันธุ์ย่อย BA.1

 

นพ.ศุภกิจ เผย ไทยพบผู้ติดเชื้อโควิดโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.2 แล้ว 9 ราย

จากการเฝ้าระวังการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19 ร่วมกับเครือข่ายทั่วประเทศ พบโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยในประเทศ ได้แก่ BA.1 และ BA.2 โดยสายพันธุ์ย่อย BA.2 ตรวจพบรายแรกตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. 2565 และได้รายงานในระบบฐานข้อมูล GSAID ตั้งแต่วันที่ 19 ม.ค.2565 ส่วน BA.3 ยังไม่พบในประเทศไทย

 

นอกจากนี้ ทางด้าน นพ.ศุภกิจ เปิดเผยอีกว่า

นพ.ศุภกิจ เผย ไทยพบผู้ติดเชื้อโควิดโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.2 แล้ว 9 ราย

ขณะนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ตรวจสอบพบผู้ติดเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 รวมทั้งหมด 9 ราย ซึ่งลักษณะสำคัญทางพันธุกรรมของโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 คือ ไม่พบการกลายพันธุ์บน spike โปรตีน ของตำแหน่ง 69-70 ซึ่งแตกต่างจาก BA.1 และ BA.3

จากการติดตามสถานการณ์ระบาดและการกระจายของเชื้อไวรัสโควิด 19 โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 ยังไม่พบความแตกต่างจากสายพันธุ์ย่อย BA.1 ในประเด็น ความสามารถในการแพร่เชื้อที่รวดเร็ว อาการรุนแรง หรือสามารถหลบภูมิคุ้มกันได้ จากการติดเชื้อหรือการได้รับวัคซีนมาก่อน.

..

อัปเดตข้อมูลล่าสุด !!

‘โอมิครอนBA.2’ พบในไทย รวมแล้ว 14 ราย ล่าสุดเสียชีวิต 1 ราย

 

 

 

ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงข่าวการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอน BA.2 ว่า สำหรับการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิดโอมิครอน BA.2 ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ส่งข้อมูลไปยังระบบจีเสส (GISAID) มีทั้งหมด 6 ราย ส่งข้อมูลตั้งแต่วันที่ 19 ม.ค.2565 ล่าสุดกรมฯ ส่งไปเพิ่มอีก 8 ราย รวมเป็น 14 ราย ซึ่ง 8 รายหลังจะขึ้นปรากฏให้เห็นอีก 1-2 วัน แต่ศูนย์จีโนมรามาฯ ยังไม่ได้ปรากฏ ยืนยันว่า เราเห็น BA.2 ตั้งแต่ 2-3 สัปดาห์แล้ว เราเห็นตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. และวิเคราะห์ข้อมูลจนแน่ใจจึงซัมมิทเข้าไปในGISAID

 

 

 

สำหรับ 3 คำถามเวลามีพันธุ์ใหม่ คือ แพร่เร็ว รุนแรง หรือหลบภูมิคุ้มกันหรือไม่ อย่างไร ข้อมูล ณ ปัจจุบันของ BA.2 ยังมีข้อมูลน้อยเกินไปที่จะสรุปว่าแพร่เร็วหรือไม่ เพราะยังมีน้อย หากสัดส่วนเปลี่ยน จากเดิม 2% ขึ้นเป็น 5-10% ในเวลาถัดมาก็ต้องจับตา เพราะอาจแพร่เร็วกว่า ส่วนอาการหนักจากดูข้อมูล 14 ราย พบว่า เดินทางมาจากต่างประเทศ 9 ราย ติดเชื้อในประเทศ 5 ราย โดยติดเชื้อในประเทศมี 1 รายเสียชีวิต ซึ่งเป็นคุณป้าติดเตียงที่เสียชีวิตจากโอมิครอน 2 รายแรกก่อนหน้านี้ รายนี้อยู่ภาคใต้ อายุมากแล้วและมีโรคประจำตัว แต่ยังบอกไม่ได้ว่า BA.2 รุนแรงกว่า BA.1 หรือไม่ แต่ภาพรวมเราส่งข้อมูลกว่า 7 พันเรดคอร์ด ให้กรมการแพทย์ไปติดตามดู เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 7 รายจากโอมิครอนจาก 7 พัน หรือคิดเป็น 0.1% ซึ่งอัตราการเสียชีวิตค่อนข้างต่ำ แต่รายละเอียดว่า อาการหนักแค่ไหน อย่างไร จริงๆไม่มาก แต่กรมการแพทย์กำลังทำรายละเอียด รวมถึงปัจจัยการฉีดวัคซีน รายละเอียดต้องรอกรมการแพทย์

นพ.ศุภกิจ เผย ไทยพบผู้ติดเชื้อโควิดโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.2 แล้ว 9 ราย

 

 

 

 

 

 

ทั้งนี้ การตรวจรหัสพันธุกรรมทุกๆสัปดาห์ ที่น่าสนใจ กรณีเดลตาที่มีพันธุ์ย่อย ที่เรียกว่าเดลตาพลัส ซึ่งมี AY ต่างๆ มีประมาณกว่า 127 ตัว โดยเคยเจอเดลตาพลัส ที่พบ K417N ซึ่งทำให้หลบวัคซีนได้มากขึ้น แต่จำนวนที่ตรวจพบก็ไม่มากมาย ไม่ได้เพิ่มจำนวน ซึ่งไม่ได้มีความน่าห่วงกังวลอะไร ส่วน AY 4.2 ที่มีการกลายพันธุ์ในบางตำแหน่งก็ไม่ได้ทำให้มีอิทธิฤทธิ์อะไร แต่เมื่อปรากฏให้เห็นเราก็เก็บข้อมูล

 

นพ.ศุภกิจ เผย ไทยพบผู้ติดเชื้อโควิดโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.2 แล้ว 9 ราย

“ที่พบมากที่สุดของเดลตา คือ AY 85 ค่อนข้างมากในภูมิภาคนี้ โดยบ้านเราพบ 49% ทั้งนี้ AY 85 ตัวของมันเองไม่ค่อยมีอะไร แต่บางส่วนบวกด้วยตำแหน่งที่หลบวัคซีน แต่เราเจอไม่มาก แต่ท้ายที่สุดหากเดลตาถูกแทนด้วยโอมิครอน ตัวที่กลายพันธุ์ก็ไม่มีความหมาย เพราะคนติดเชื้อติดด้วยโอมิครอนหมดแล้ว จึงต้องมาติดตามโอมิครอนต่อไปแทน เราก็มีระบบตรวจจับเช่นกัน จึงอยากให้ทราบว่า เรามีกระบวนการตรวจจับการกลายพันธุ์ได้เร็วพอ” นพ.ศุภกิจ กล่าว

 

นพ.ศุภกิจ กล่าวสรุปว่า ขณะนี้ก็เหมือนหลายประเทศในโลกนี้ โดยเดือน ก.พ. นี้ก็จะเป็นโอมิครอนส่วนใหญ่ ป่วยง่าย แพร่เชื้อเร็ว แต่อาการรุนแรง เสียชีวิตยังน้อย แต่ขอย้ำว่า ต้องบูสเตอร์ด้วยวัคซีน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคเรื้อรัง หากดูกราฟจะพบว่า คนที่มีร่างกายแข็งแรง ได้รับวัคซีน มีภูมิคุ้มกันมากพอ โอกาสเสียชีวิตจะน้อยมาก ดังนั้น กลุ่มเป้าหมายสำคัญ คนสูงอายุต้องรีบมารับวัคซีนเข็มกระตุ้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เมื่อถามว่ากรณีสายพันธุ์ย่อย BA.2 ทั่วโลกมีมากน้อยแค่ไหน และจะมีผลต่อการกลายพันธุ์หรือไม่ นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า จากข้อมูลในจีเสสมีการรายงานว่า BA.2 มีประมาณ 2.1 หมื่น และ BA.1 จำนวน 4.2 แสน หรือประมาณ 1ใน 40 เศษๆ แต่จะใช้สัดส่วนนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ เพราะโอมิครอนมีหลายสิบล้านทั่วโลก หากเปิดเจอแบบนี้ก็ถือว่า BA.2 ยังไม่มาก แต่บางประเทศอย่างเดนมาร์ก ที่เขารู้สึกว่า BA.2 สัดส่วนสูงขึ้น ก็ต้องจับตาดู แต่ของเราเจอ 14 รายจากหมื่นกว่าราย ซึ่งเราก็ต้องติดตามต่อไป จึงยังไม่ต้องวิตกกังวลอะไร คงไม่ได้เหนือกว่า BA.1 อย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ ส่วนการกลายพันธุ์อื่นๆ ทั่วโลกต่างช่วยกันเฝ้าระวังว่า จะมีตัวย่อยกว่านี้หรือไม่ หรือจะไปพลัสอะไรอีก

 

นพ.ศุภกิจ เผย ไทยพบผู้ติดเชื้อโควิดโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.2 แล้ว 9 ราย

 

 

 

เมื่อถามกรณีมีการเฝ้าระวังเขตชายแดน โดยเฉพาะพม่า เนื่องจากยังมีการระบาดจากอินเดีย โดยทางคณบดีศิริราชระบุว่าต้องระวัง นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า เรามีการเฝ้าระวังอยู่ แต่ทุกคนก็ต้องช่วยกัน เพราะการลักลอบข้ามแดนโดยไม่ผ่านอะไร อันนี้น่ากลัว จริงๆ อย่างที่เคยบอกว่า เราไม่ค่อยห่วงพวกที่มาถูกต้อง แต่ที่ลักลอบต้องเฝ้าระวัง และต้องขอความร่วมมือ โดยเฉพาะผู้นำเข้าแรงงาน ยิ่งคนนำเข้าแรงงานเถื่อนต้องระวังมากๆ ขอย้ำว่า สายพันธุ์ย่อยนี้ ยังตรวจด้วย ATK ได้เช่นเดิม

ขอขอบคุณที่มา : กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

นพ.ศุภกิจ เผย ไทยพบผู้ติดเชื้อโควิดโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.2 แล้ว 9 ราย

 

 

 

 

 

logoline