21 มกราคม 2565 จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยเฉพาะขณะนี้ สายพันธุ์โอมิครอน มีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดความกังวลถึงสถานการเตียงไม่เพียงพอรองรับ โรงพยาบาลสนาม และ Hospite (คลิกดูรายชื่อที่นี่) จึงมีการนำกลับมากล่าวถึงกันใหม่ เพื่อใช้รองรับหากเกิดสถานการณ์ระบาดที่อาจจะรุนแรงขึ้นได้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ที่มีไว้รองรับผู้ป่วยอาการไม่หนัก ในการลดความแออัดโดยไม่จำเป็นต่อโรงพยาบาล
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หรือ สบส. ระบุถึงสถานการณ์เตียงใน Hospitel กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล มีประมาณ 116 แห่ง ทั้งหมด 30,000 เตียง ซึ่งขณะนี้ ยังมีจำนวนเตียงว่างเป็นจำนวนมาก ที่ผ่านมามี Hospitel ทยอยปิดตัวลงไปบ้าง เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง รวมถึงการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามความต้องการใช้บริการ
เงื่อนไขการเข้ารักษาตัวใน "Hospitel"
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. ได้ขอความร่วมมือโรงพยาบาลเอกชน อย่าเรียกเก็บค่ารักษาผู้ป่วยโควิด-19 พร้อมย้ำว่า ภาครัฐพร้อมออกค่ารักษาพยาบาลให้แก่ผู้ป่วยทุกคน
สำหรับอัตราจ่ายค่าบริการให้แก่โรงพยาบาล ทั้งการตรวจและการรักษา รวมไปถึงค่าที่พักอื่น ๆ เช่น โรงพยาบาลสนาม หรือ Hospitel โดยค่าใช้จ่ายมีดังนี้
1. ค่าตรวจแบบ RT-PCR จ่ายตามจริงไม่เกิน 1,600 บาท/ครั้ง
2. ค่าเก็บตัวอย่างส่งตรวจ 100 บาท/ครั้ง
3. ค่าบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจ 600 บาท/ครั้ง
4. ค่ายารักษาผู้ป่วยใน จ่ายตามจริงไม่เกิน 7,200 บาท/ราย
5. ค่าห้องดูแลการรักษารวมค่าอาการ จ่ายตามจริงไม่เกิน 2,500 บาท/วัน
6. ค่าห้องความดันลบหรือห้อง ICU ซึ่งเป็น UCEP COVID-19 หรือเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติถึงแก่ชีวิตกรณีโควิด วันละ 5,000 บาท
7. ค่าหอผู้ป่วยเฉพาะโควิด-19 และสถานกักกันในโรงพยาบาล (Hospitel) จ่ายตามจริงไม่เกิน 1,500 บาท/วัน
8. ค่ายานพาหนะรับส่งจ่ายตามคู่มือแนวทางปฏิบัติในการขอรับค่าใช้จ่ายของสำนักงานฯ
9. ค่าอุปกรณ์รวมค่าทำความสะอาดยานพาหนะเพื่อฆ่าเชื้อ 3,700 บาท/ครั้งเป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การรักษาโควิด-19 ในโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่ง พบว่า ผู้ป่วยโควิด-19 จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง เช่น ค่าห้องและอาหาร ในกรณีค่าใช้จ่ายรักษาผู้ป่วยโควิด-19 สูงเกินมาตรฐานราคากลาง ปฏิเสธการส่งตัวไปยัง Hospitel หรือโรงพยาบาลเครือข่าย และเลือกเข้ารักษาตัวในห้องเดี่ยว หรือห้องพิเศษ ซึ่งอยู่นอกเหนือจากสิทธิ์ของรัฐบาล ที่ครอบคลุมเฉพาะห้องร่วม ห้องคู่ และห้องไอซียูสำหรับผู้ป่วยวิกฤตเท่านั้น