ปชป.-พปชร.แข่งเดือดเดิมพันเลือกตั้งซ่อม"สงขลา-ชุมพร"

บรรยากาศการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 1 ชุมพร และเขต 6 สงขลา แม้จะมีผู้สมัครจากหลากหลายพรรคการเมือง โดยฝ่ายค้านมีพรรคก้าวไกล พรรคไทยศรีวิไลย์ และยังมีพรรคใหม่อย่าง "พรรคกล้า" ด้วยนั้น แต่ปรากฏว่าพรรคที่เอาจริงเอาจังและทุ่มสรรพกำลังมากที่สุด กลับกลายเป็นพรรคร่วมรัฐบาล 2 พรรคที่มาปะทะกันใน 2 สนามนี้ ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)

มีข่าวว่าในพื้นที่เขต 6 สงขลา แกนนำของทั้ง 2 พรรคที่ได้รับมอบหมายให้ไปคุมการหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ทั้ง นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็น ผอ.เลือกตั้งสนามนี้ ได้ลงไปบัญชาการในพื้นที่ด้วยตัวเอง เพื่อสู้กับ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่ลงไปอยู่ในพื้นที่เช่นกัน 

พรรค ปชป.มอบนายเดชอิศม์ ขาวทอง หรือ "นายกชาย" รองหัวหน้าพรรคภาคใต้ เป็นคนวางยุทธศาสตร์ทั้งหมด 

พื้นที่เขต 6 สงขลา ประกอบด้วยบางส่วนของ อ.หาดใหญ่ มี 61 หน่วยเลือกตั้ง อ.คลอยหอยโข่ง มี 37 หน่วยเลือกตั้ง และ อ.สะเดา มี 117 หน่วยเลือกต้ง ฉะนั้นสะเดาจึงเป็นพื้นที่ที่มีคะแนนเสียงเยอะที่สุด

สภากาแฟในพื้นที่วิเคราะห์กันว่า สะเดาเป็นถิ่นของ "โบ๊ต” อนุกูล พฤกษานุศักดิ์ ผู้สมัครของพรรคพปชร. เพราะบิดาเป็นอดีตนายกเทศมนตรีพื้นที่นี้ จึงน่าจะได้คะแนนมากที่สุด แถมระยะหลังยังมี นายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส.สงขลาเขตนี้ ไปเดินและร่วมกิจกรรมจนเป็นข่าวบ่อยๆ ด้วย จึงนับว่ายิ่งน่ากลัว 

ส่วน อำเภอคลองหอยโข่ง น่าจะเป็นของผู้สมัคร ปชป.  "น้ำหอม" สุภาพร กำเนิดผล ภรรยานายกชาย เนื่องจากลงพื้นที่มาก่อน และมีเครือข่ายสตรีเยอะ แต่ที่ผ่านมา "โบ๊ต” ก็บุกหนักและมีหัวคะแนนในคลองหอยโข่ง เหมือนกัน 

ที่สำคัญในฐานะที่ "โบ๊ต” ลงสม้ครในนามพรรคพปชร. ทำให้ได้คะแนนจากกลุ่มข้าราชการ หรืออย่างน้อยๆ ก็แอบหนุนอยู่เงียบๆ 

ส่วน "น้ำหอม" เข้าทางกลุ่มสตรี มีการชวนผู้หญิงที่เป็นแม่บ้าน หรือทำงานที่บ้าน ไปฟังปราศรัยบ่อยครั้ง 

ขณะที่ "พรรคกล้า" น่าจะได้คะแนนในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ และจากหัวคะแนนเดิมของ "ผู้การชาติ" พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล ผู้อำนวยการเลือกตั้งของพรรค 

ส่วนที่ชุมพร นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคปชป. นำทัพด้วยตัวเอง และเตรียมแผนอยู่ยาว 

เดินทางตั้งแต่ 13 ม.ค.และอยู่ชุมพรจนถึงวันเลือกตั้ง 

วันที่ 14 ม.ค.จะมีปราศรัยใหญ่ที่ชุมพร ซึ่งในวันเดียวกันนั้น พรรคพลังประชารัฐก็จะเปิดปราศรัยใหญ่ที่สงขลาด้วย 

วันที่ 15 ม.ค.นายจุรินทร์ นำคณะเดินหาเสียงในชุมพร 

วันที่ 16 ม.ค.ซึ่งเป็นวันเลือกตั้ง จะบัญชาการอยู่ที่วอร์รูมของพรรคในชุมพร แต่หากติดภารกิจอื่นก็อาจเดินทางกลับก่อน และมอบหมายให้ นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค บัญชาการแทน

 นอกจากทั้ง 2 พรรค หาเสียงชูจุดเด่นผู้สมัครพรรคตนเองแล้ว ในเชิงยุทธศาสตร์เรียกคะแนนเสียงด้วยการโจมตีฝ่ายตรงข้ามโดยเฉพาะช่วงจังหวะราคาสินค้าแพง หมูแพง ไข่แพง ก็หยิบยกขึ้นมาพูดในห้วงเวลานี้แบบไม่เกรงใจพรรคร่วมรัฐบาล

การชิงไหวชิงพริบกัน ของ 2 พรรคใหญ่ มีการดักคอดักทางกันทุกซ็อต ตั้งแต่การกล่าวหาว่าใช้ข้าราชการเอื้อการเลือกตั้ง การใช้อสม.เข้ามาช่วยหาเสียง หรือแม้แต่การส่งทหารลงไปในพื้นที่เลือกตั้งซ่อม เป็นต้น

นี่จึงเป็นศึกที่ ปชป.เจ้าถิ่นกับผู้ท้าชิง พปชร.วางเดิมพันไว้สูงยิ่ง เดิมพันที่ "แพ้ไม่ได้"