ปรากฏการณ์ตอนนี้ทำไมถึงบอกว่าเลือกตั้งซ่อม วัดพลังของพลังประชารัฐ เพราะปี 2565 จะเป็นปีแห่งการเลือกตั้ง ทางเลือกตั้งเล็กและเลือกตั้งใหญ่รวมถึงเลือกตั้งซ่อม เร็วสุดในขณะนี้จะมีการเลือกตั้งซ่อมในสามพื้นที่
เลือกตั้งซ่อม ส.ส
16 ม.ค. 65
30 ม.ค. 65
เมืองพัทยาเลือกตั้งครั้งสุดท้าย 17 มิ.ย. 55
เลือกตั้งครั้งสุดท้าย 3 มี.ค.56
เมื่อมีการเลือกตั้งใหม่และบรรยากาศเช่นนี้นั่นเป็นการวัดขุมพลังของพลังประชารัฐ แต่ว่ารอบนี้มีปรากฏการณ์ที่แปลก คณะกรรมการบริหารของพรรคพลังประชารัฐมีมติแต่งตั้งหัวหน้าทีมเป็นผอ.ในการเลือกตั้งแปรเปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง เดิมทีจะเป็นผู้กองธรรมนัส
ผู้คุมเลือกตั้งซ่อม พปชร.
ชุมพร สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง
สงขลา สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน
นั่นแสดงว่าผู้กองธรรมนัสถอยแต่คนอื่นเค้าไปทำหน้าที่ดูแลการเลือกตั้งแทน และโอกาสที่จะพ่ายศึกสูงมากเมื่อเทียบกับการจัดการของผู้กองธรรมนัส
"สันติ" แตกคอกันในกลุ่ม 4 ช.
ปัจจัยสนับสนุนพรรค สันติ ควักเนื้อตลอด แต่กลับโดนหักเหลี่ยมโหด อ้าง "ผู้ใหญ่" ไฟเขียวให้มาทำภารกิจลับ ทำให้สันติต้องยอมถอย ไม่หือไม่อือทำตามที่ธรรมนัสบอกทุกอย่าง
ในการประชุมร่วมกันของ 6 รัฐมนตรี กับลุงป้อมและประชุมคณะกรรมการพรรค คุณชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลุกขึ้นพูดคนเดียวเดี่ยวๆ สอยส่วนตัวกับเลขาธิการพรรค แล้วมาตอบคำถามนักข่าวบอกว่า แล้วคิดว่ามีปัญหาหรือไม่ สื่อมวลชนดูกันเองว่าในอดีตเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง มองว่า ร.อ.ธรรมนัส มีปัญหาไม่เช่นนั้น จะไม่มีการพูดคุยกันเพื่อปรับโครงสร้างแต่ไม่ขอพูดในรายละเอียด เชื่อว่าประชาชนและสื่อมวลชนรู้อยู่แล้วว่าคืออะไร ขอให้เดินไปข้างหน้า อย่าพูดถึงอดีต
ผู้กองธรรมนัสดูแลเลือกตั้งซ่อม พปชร. ที่ผ่านมา
ลำปาง
นครศรีธรรมราช
การเลือกตั้งรอบนี้จึงเป็นการวัดพลังของพรรคพลังประชารัฐล้วนๆ ขนาดที่ลุงป้อมซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคเองก็รู้อยู่ว่าปัญหาใหญ่ขนาดนี้คือความเป็นเอกภาพ และในวันศุกร์ที่ 7 มกราคม จะลงพื้นที่ไปดูงานเอง ซึ่งบังเอิญตรงกับเลือกตั้งซ่อมสองเขต
กำหนดการ "พล.อ.ประวิตร" ลงพื้นที่
ศุกร์ที่ 7 ม.ค. 65 ลงพื้นที่ อ.เมือง จ.ชุมพร , ศุกร์ที่ 14 ม.ค. 65 ลงพื้นที่ จ.สงขลา
10.45-11.25 น. เดินทางไปยังโครงการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยเมืองชุมพร บริเวณประตูระบายน้ำปากคลองขุดใหม่คลองชุมพร-คลองนาคราช
13.35-14.15 น. เดินทางจากร้านอาหารไปยังอ.สวี จ.ชุมพรติดตามแก้ไขปัญหาน้ำท่วมทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 41 บริเวณทางเข้าวัดพระบรมธาตุสวี
ถูกมองว่า เป็นการลงพื้นที่ก่อนเลือกตั้งซ่อม 16 ม.ค. ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร.โดยมีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ที่ได้รับมอบหมายดูแลการเลือกตั้งซ่อมที่ชุมพรร่วมคณะด้วย
ในวันที่ 30 จะชี้ชะตาพลังประชารัฐอีกระลอกหนึ่งนั่นคือเลือกตั้งที่หลักสี่ สมรภูมิในหลักสี่จะสู้กันในระหว่างสองถึงสามกลุ่ม จะเกิดปรากฏการณ์ลุมกินโต๊ะ คู่แรกที่จะแย่งคะแนนในฐานเดียวกันคือ พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล คู่นี้จะแข่งกันดุเดือดที่สุด
ดูให้ดีเพื่อไทยรอบนี้แปลกๆ ผู้ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งบอกว่าพรรคไม่ต้องมาจัดเวทีหาเสียงให้ แผนการหาเสียงขอจัดการเอง เพื่อไทยตอนนี้มีการขัดแย้งในการจัดการเลือกตั้งภายในพรรคเดียวกัน เพราะฉะนั้นจุดแข็งจะกลายเป็นจุดอ่อน จุดอ่อนจะกลายเป็นจุดแข็ง
อีกหนึ่งคู่คือ พรรคกล้าและพรรคไทยภักดี ซึ่งจะแย่งคะแนนจากพรรคพลังประชารัฐ และพลังประชารัฐจะเป็นไข่แดงตรงกลาง เพราะตอนนี้ทุกพรรค ผู้สมัครทุกคนล้วนแล้วแต่มุ่งเน้นไปสอยพรรคพลังประชารัฐ
ปรากฏการณ์สนามการเลือกตั้งที่หลักสี่จะเป็นดัชนีชี้วัดถึงคะแนนนิยมของพรรคพลังประชารัฐ เป็นตัวชี้วัดว่าพลังประชารัฐหลังจากนี้ไปในเมืองหลวงจะเป็นอย่างไร ในอีกด้านหนึ่งบอกว่าหากว่าก้าวไกลพลิกล็อคมาชนะ จะเป็นการส่งกระแสสำคัญในการเลือกตั้งครั้งใหญ่ และในอีกด้านหนึ่งจะทำให้ทุกอย่างพุ่งไปที่ก้าวไกล
ขณะที่เพื่อไทย ถ้าหากว่าชนะ จะเป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้พรรคเพื่อไทยแปรเปลี่ยนไปอีกแบบ แต่ยังไม่เท่ากับพลังประชารัฐ รอบนี้การเลือกตั้งซ่อมจะเป็นดัชนีชี้วัดพลังประชารัฐ และชี้วัดการเลือกตั้งท้องถิ่นในรูปแบบพิเศษ 2 แห่ง คือ พัทยาและกทม.
การเลือกตั้งซ่อมครั้งใหญ่เราอาจมองว่าเป็นเรื่องเล็ก แต่สามพื้นที่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับพรรคการเมือง และเรื่องใหญ่อีกหนึ่งเรื่องคือ การตัดสินใจของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าด้วยเรื่องบ้านใหม่ พรรคใหม่และเส้นทางการเดินทางการเมืองหลังจากนี้ การเลือกตั้งซ่อมทั้งสามเขตถือว่าเป็นสาระสำคัญของพลังประชารัฐ เห็นได้จากลุงป้อมลงพื้นที่ ครั้งนี้ชี้ชะตาพลังประชารัฐได้อย่างดี
ที่มา : เนชั่นอินไซต์ โอ-บากบั่น บุญเลิศ , วี-วีระศักดิ์ พงศ์อักษร