ฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ที่ประเทศสิงคโปร์ รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 "ช้างศึก" ทีมชาติไทย จะลงสนามพบกับ "ดาวทอง" เวียดนาม ในเวลา 19.30 น. โดยผลนัดแรก ทีมชาติไทยเก็บชัยชนะมาได้อย่างสวยงาม 2-0 จากการทำประตูของ "กัปตันเจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ ทั้งสองประตู
อย่างไรก็ตามทางฝั่งเวียดนามยังมั่นใจว่าจะพลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะไทยได้ โดยอ้างว่าความพ่ายแพ้จากนัดแรกเป็นเพราะการตัดสินที่ต่ำกว่ามาตรฐานของทีมงานผู้ตัดสินเท่านั้น พร้อมเรียกร้องให้ศึก ซูซูกิ คัพ ครั้งต่อไป มีการนำระบบ VAR มาใช้ด้วย
ขณะที่ "ช้างศึก" ไม่ได้สนใจการวิพากษ์วิจารณ์ของคู่แข่งแต่อย่างใด โดยโฟกัสที่การเจอกันในนัดนี้เท่านั้น ซึ่ง มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือทีมชาติไทยยืนยันว่า แม้สกอร์จะได้เปรียบด้วยการนำอยู่ถึง 2 ประตู แต่นัดนี้จะยังเล่นในสไตล์เดิม ไม่มีการอุดประตูแน่นอน สิ่งที่ต้องปรับจะมีเพียงการแก้ไขจุดบกพร่องจากนัดที่แล้วเท่านั้น
ด้าน "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีม เผยว่า แม้นัดแรกไทยจะทำได้ดีกว่า แต่เป็นแมตช์ที่เล่นกันแรงจนทำให้มีนักเตะบาดเจ็บไปหลายรายคนละเล็กละน้อย เชื่อว่านัดที่สองนี้ เวียดนามต้องสู้ยิบตาเพื่อหวังผ่านเข้าชิงให้ได้ ดังนั้นทีมชาติไทยจะต้องไม่ประมาทและเล่นให้รัดกุมที่สุด
สำหรับการจัดทัพเกมนี้ คาดว่าไทยน่าจะมีการปรับทัพเล็กน้อยในแดนกลาง โดย ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ มีโอกาสลงตัวจริงเพื่อคอยวิ่งไล่กดดันคู่แข่ง ส่วนตำแหน่งผู้รักษาประตู เชื่อว่าจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยจะเป็นหน้าที่ของ ฉัตรชัย บุตรพรม ลงเฝ้าเสา แม้จะมีเสียงวิพากษ์์วิจารณ์ค่อนข้างมากจากนัดที่แล้วก็ตาม
อีกจุดที่ต้องระวังก็คือ 4 นักเตะไทยอย่าง ธีราทร บุญมาทัน, นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, กฤษดา กาแมน และ ฉัตรชัย บุตรพรม โดนคาดโทษใบเหลืองอยู่คนละใบ หากได้ใบเหลืองอีกครั้งจะพลาดโอกาสลงเล่นนัดชิงชนะเลิศเลกแรกทันที
ด้าน "ดาวทอง" เวียดนาม ของกุนซือ ปาร์ค ฮัง ซอ เกมนี้มีปัญหาในแนวรับเล็กน้อย เมื่อจะต้องขาด โด ดุย มานห์ ที่บาดเจ็บหัวไหล่ขวาจากนัดแรก หมดสิทธิ์ลงสนามแน่นอนแล้ว ส่วนตัวหลักรายอื่นๆพร้อมลงสนามทุกคน นำโดยเพลย์เมคเกอร์ตัวเก่งอย่าง เหงียน กวง ไฮ ที่เล่นได้อย่างโดดเด่นในนัดที่ผ่านมา
สำหรับผู้ชนะระหว่าง ไทย กับ เวียดนาม จะเข้าไปชิงชนะเลิศกับ อินโดนีเซีย ที่เอาชนะ สิงคโปร์ มาได้ 4-2 (ประตูรวม 5-3) ต่อไป