21 พฤศจิกายน 2564 เหลือเวลาอีกกว่าปี แต่ปี่กลองสัญญานเลือกตั้งกับกระหึ่มโหม ถึงขนาดโพลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง ว่าที่นายกฯคนต่อไป และ 1 ในแคนดิเดต ปรากฏชื่อเขาคนนี้ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” นักการเมืองหนุ่ม วัย 41 ปี หัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคที่สร้างปรากฏการให้กับการเมืองไทย ในหลายประการ ยุวชนการเมืองกดไลค์ให้อย่างท่วมท้น จนหลายพรรคเก่าไม่อาจมองข้าม พร้อมกับประวัติศาสตร์การเมืองได้จดจาร รอยทางที่ "ก้าวไกล" ก้าวผ่านมา
พิธา ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ KOM DAILY ของ คมชัดลึกออนไลน์ ได้คลี่เปลือกออกถึงตัวตนของเขาและพรรค กับคำถามที่ หลายคนอยากรู้
Q : อนาคตทางการเมืองที่ถูกจับตา เป็นว่าที่นายกรัฐมนตรี
A : “ยอมรับว่ารู้สึกเป็นเกียรติ และจะทำงานให้หนักสมกับที่ประชาชนไว้วางใจเลือกเข้ามา”
Q : พรรคการเมืองขนาดกลางหรือเล็ก หากผลการเลือกตั้งในครั้งหน้า มีจำนวน ส.ส.เข้ามาในสภาฯน้อย หรืออาจสูญพันธุ์ ต้องยุบไปอยู่กับพรรคขนาดใหญ่
A : หัวหน้าพรรคก้าวไกลให้ความเห็นว่ากติกายังไม่ชัด ยังใช้ไม่ได้จริง โดยยืนยันจากการทำโพลในพรรคและภายนอกยังไม่ถึงขั้นสูญพันธุ์
Q : ข้อครหาที่ว่าการเข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นหุ่นเชิดของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ ปิยบุตร แสงกนกกุล
A : นักการเมืองหนุ่มอนาคตไกลปฏิเสธทันทีว่า ไม่มีใครครอบงำใคร
"ถ้าเชิดจากข้างล่างใช่ครับ แต่เชิดจากข้างบนไม่ใช่ เรายึดโยงกับสมาชิกกับพี่น้องประชาชน ผมเป็นหัวหน้าพรรคที่ตัดสินใจพร้อมกับคณะกรรมการบริหารพรรค ไม่มีครอบงำ ทำงานด้วยกันมาสร้างพรรคอนาคตใหม่มาด้วยกัน เขาอยู่ทางท้องถิ่นเราอยู่นิติบัญญัติไม่มีใครมาครอบงำได้"
Q : จุดเด่น
A : "ผมเป็นคนเห็นเหรียญสองด้าน เห็นเอกชนและรัฐ ปัญหาในกทม.และต่างจังหวัด ด้วยอายุ 41 ปี เป็นคนร่วมสมัยเห็นทั้งดิจิทัลและอนาล็อก ถ้าเราเห็นว่าปัญหาในต่างจังหวัด ต่างประเทศเขาแก้อย่างไรเราก็จะมีมุมมองอีกแบบ การที่เป็นเอกชนมาก่อน แล้วมาเป็นรัฐบาลจะเข้าใจนโยบายเอกชน การเป็นคนร่วมสมัยจะเข้าใจคนที่อยู่มาก่อนเรา ที่อายุ 50-60ปี ขณะเดียวกันก็เข้าใจรุ่นน้องอายุ 20-30 ปี เยาวชนรุ่นใหม่ว่าเขาเป็นอย่างไร ก็จะทำงานประสานแล้วออกนโยบายให้ประชาชนทุกคนไม่ว่าเขาจะเลือกผมหรือไม่เลือกผม”
Q : จุดอ่อนของตัวเอง
A : "ส่วนจุดอ่อนคือ เรียงลำดับความสำคัญยังได้ไม่ดีพอ ทำหลายอย่างมากเกินไป ต้องมีวิธีดึงคนใหม่ๆมาช่วย แล้วสามารถกระจายงานได้ สร้างผู้นำใหม่ๆขึ้นมาภายในพรรคให้ได้"
Q : จุดขายของพรรค
A : "จุดขายของพรรคก้าวไกลคือ บุคลากร”
Q : จุดยืนและนโยบาย
A : "จุดยืนคือ ต้องการเห็นประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยเต็มใบ นโยบายที่มากกว่า ทำอะไร สู้กับใคร และบุคลากรที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ใช่ตระกูลการเมืองบ้านใหญ่"
Q : นิยาม 3 คำของพรรคก้าวไกล
A : "ใหม่ ชัด โดน"
“ใหม่” คือ บุคลากรใหม่ นโยบายใหม่ จุดยืนใหม่
"ชัด" คือ ความชัดเจนในการรับการกระแทกกดดัน แบบไหนเราก็ยังชัดเจน ในสิ่งที่เราตั้งพรรคการเมืองมาอย่างไร
"โดน" คือ ประเทศไทยต้องการ ท.ทหาร 2 ตัวคือ ท.แรก คือ เทคโนโลยี กับ ท.สอง คือ ท้องถิ่น ถ้ายังกระจุกตัวก็ไม่มีคำว่าท้องถิ่น เพราะฉะนั้น 3 สิ่งนี้ต้องเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับก้าวไกล"
Q : ประเด็นพรรคผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์
A : ยืนยันร่างปัจจุบันที่เสนอเข้าไปในสภาฯไม่มีเกี่ยวข้องกับสถาบัน
"สถานะของสถาบันก็ไม่ได้เปลี่ยนไป เราต้องการลดจุดอ่อนจุดว่าง ที่จะทำให้เกิดแรงปะทะประชาชนเข้าตรงสถาบัน เป็นการลดจุดอ่อนทำให้สถาบันมั่นคงขึ้น อยากให้สถาบันอยู่คู่กับสังคมไทยสมัยใหม่ ด้วยการใช้กุศโลบายอย่างปราณีตผ่านงบประมาณ ให้พระองค์ท่านอยู่เหนือการเมือง และอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ"
Q : การเข้ามาสู่การเมืองไทย
A : "มีทั้งแปลกใจและไม่แปลกใจ โดยเฉพาะระบบการเมืองและการใช้กรรมาธิการผลักดันกฎหมาย ผมอยู่กับการเมืองมาตั้งแต่ปี 2547 ช่วงสึนามิ เพราะอยากให้การท่องเที่ยวช่วงนั้นฟื้นขึ้นมา หลังจากอยู่ภาคเอกชนกก็พอเห็นอยู่ ไม่ได้ไร้เดียงสา จนไม่รู้ว่าการเมืองไทยเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่แปลกใจคือ ความเฉื่อยในระบบ ถึงแม้จะมีรัฐสภากลับมา การผลักดันกฎหมาย พ.ร.บ. การใช้กรรมาธิการผ่านการถ่วงดุลงบประมาณแผ่นดินทำได้ไม่ดีพอ อีกอย่างที่แปลกใจคือ แรงระเบิดจากระบบมันมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะข้าราชการหรือนักการเมืองรุ่นใหม่ที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงในประเทศ
โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ พวกคุณคือ ความหวังของผม ไม่ว่าประเทศจะกดขี่แค่ไหน ในเรื่องสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก ในเรื่องสิทธิมนุษยชน คนที่เขาพยายามดึงประเทศเหมือนเข็มนาฬิกาหมุนไปเรื่อยๆ แล้วกลับมาที่เดิม ผมเกิดปี 2523 เป็นช่วงการเมืองไทยกลับวันนี้ไม่ได้ต่างกันมาก แต่สิ่งที่คุณสร้างขึ้นมาให้ประเทศ เมื่อวันที่ผมออกจากการเมืองไทยส่งไม้ต่อให้พวกคุณประเทศไทยก็จะมีความหวังต่อไปในอนาคต
ประเทศไทยเราต้องเป็นประเทศที่เห็นอนาคตเป็นอนาคต ในขณะที่มีกลุ่มคนอยากเห็นอนาคตเป็นอดีต อย่างไรก็ตามต้องหาฉันทามติในการอยู่ร่วมกันให้ได้ โดยเอาคนรุ่นเก่าเป็นฐานแล้วเราที่ยังมีกำลังวังชาเป็นยอด
อยากฝากถึงคนรุ่นเก่าด้วยว่า อนาคตจะเปลี่ยนไปเยอะถ้าไม่เปิดใจให้กว้าง เห็นพวกเขาเป็นขบวนการล้มล้างการปกครองอนาคตก็จะไม่เป็นอนาคต แล้วเอาเขาไปอยู่ในคุก สักวันหนึ่งก็อาจเป็นลูกหลานของท่านก็ได้ มันไม่มีเวลาเหลือพอที่จะเล่นการเมืองแบบอดีตที่ผ่านมาเราต้องเดินหน้าเหมือนปฏิทิน ไม่ใช่เหมือนนาฬิกา"
นอกจากงานการเมืองแล้ว ชีวิตส่วนตัวของ"พิธา" ยังเป็นคุณพ่อ ที่มีลูกสาวอายุ 6 ขวบ 1คน ชื่อ "พิพิม" สถานะปัจจุบันยังโสด แม้จะไม่ได้ปิดตายหัวใจ
Q : หากจะมีใครเข้ามาในชีวิต
A : ต้องถามลูกสาวก่อนว่า พร้อมจะให้ใครมาดูแลหรือเปล่า
"ตอนนี้ก็เล่นดนตรีกับลูก อ่านนิทาน อ่านหนังสือด้วยกันพยายามให้เค้าได้ทำกิจกรรมหลากหลายไม่ว่าจะเป็นกีฬาที่เค้าชอบ เห็นว่าตอนนี้ชอบเล่นโยคะ เตะบอล ตีแบด ที่สำคัญคือพาลงพื้นที่ด้วยกันหลายแห่งเช่น อ.จะนะ จ.สงขลา บ่อแก้ว จ.ชัยภูมิ คิดว่าจะพาไป จ.น่าน งานปีใหม่พี่น้องชาติพันธ์ชาวม้ง ก็อยากจะพาลูกสาวไปด้วย คิดว่าเค้าจะเข้มแข็งเมื่อเห็นพ่อทำงาน"