
ความคืบหน้ากรณีนายชโนชัย หรือโน วงแสน ผู้ต้องหาก่อคดีฆ่า น.ส.รัฐคณิศร จารุภัทรกิตติโชติ เสียชีวิตคาบ้านพัก และทำร้ายนายรุจิภาส โชติธรรม ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดในพื้นที่ ต.หนองกรด อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เมื่อวัที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา
ล่าสุดเช้าวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 นายชโนชัย หรือโน วงแสน อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาก่อคดีฆ่า น.ส.รัฐคณิศร จารุภัทรกิตติโชติ เจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด เรติ กรุ๊ฟ รับทำเกี่ยวกับโครงข่ายอินเตอร์เน็ต ได้เข้ามอบตัวกับตำรวจสภ.เมือง นครสวรรค์แล้ว อยู่ในระหว่างการสอบสวน
ด้านนางขนิษฐา ศีลธรรม ซึ่งเป็นแฟนของ น.ส.รัฐคณิศร ผู้ตายได้พาตัวนายรุจิภาส บุตรชายที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกทำร้าย และได้รับการอนุญาตจากแพทย์ให้ออกจากโรงพยาบาลไปที่วัดดอนใหญ่ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานศพให้กับ น.ส.รัฐคณิศร โดยมี พล.ต.ต.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ ผบก.ภ.จว.นครสวรรค์ เดินทางมาร่วมงานศพ และเข้าสอบถามอาการ รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ท่ามกลางกองทัพนักข่าวมารอการสัมภาษณ์เป็นจำนวนมาก
นายรุจิภาส เล่าว่า น.ส.รัฐคณิศร แม้จะเป็นผู้หญิงทอม แต่เปรียบเสมือนพ่อแท้ ๆ ที่ตนสามารถเรียกได้ว่าพ่อ ส่วนในวันเกิดเหตุ ตนได้เดินเท้าออกจากออฟฟิศที่อยู่ข้างบ้านที่เกิดเหตุ เพื่อกลับไปกินข้าวกับผู้ตาย แต่เมื่อเดินเข้าไปในบ้านและตรงไปยังโซนห้องครัว ก็พบตัวนายโน คนร้ายที่อยู่ใกล้บ้านและรู้จักกันดี เดินถือมีดอีโต้ตรงปรี่เข้ามาฟันที่หัวของตนทันที ซึ่งตนก็ได้พยายามต่อสู้แล้ว แต่ก็สู้แรงนายโนไม่ไหว
จนกระทั่งถูกนายโนทำร้ายจนสลบเหมือด และเมื่อฟื้นขึ้นมาอีกทีก็ต้องตกอยู่ในสภาพที่นายโน เอาผ้าม่านหน้าต่างและเข็มขัดมามัดมือมัดเท้า จากนั้นก็ถูกบังคับให้บอกถึงที่ซ่อนทรัพย์สินต่างๆ ภายในบ้าน และก็ได้ไปทั้งสร้อยคอทองคำจำนวน 12 บาท และพระเลี่ยมทองอีก 8 องค์ รวมถึงเหรียญที่อยู่ในกระปุกออมสินนับพัน และบัตรเอทีเอ็มของผู้ตาย
นายโน ยังได้ไปแกะเซฟเวอร์วงจรปิดที่อยู่ภายในบ้าน พร้อมกับยึดโทรศัพท์มือถือของตนและคนตายเอาเอาไปด้วย เนื่องจากภาพหลักฐานกล้องวงจรปิดทั้งหมดภายในบ้าน สามารถเปิดดูผ่านทางมือถือของตนและผู้ตายได้ จากนั้นนายโนยังคงเหิมเกิม บีบบังคับให้ตนใช้โทรศัพของผู้ตาย ที่ตนรู้รหัสเข้าแอบธนาคาร ให้โอนเงินจำนวน 1 ล้านบาท เข้าอีกบัตรชีธนาคารของผู้ตาย ที่นายโนได้ยึดบัตรเอทีเอ็มไป และรู้รหัสบัตรอีกด้วย
ตอนนั้นตนกลัวจึงยอมโอนให้ไปในรอบแรกจำนวน 5 แสนบาท แต่เนื่องจากวงเงินการโอนเต็มวงเงิน จึงทำให้ไม่สามารถโอนเพิ่มไปได้อีก ซึ่งตนก็อาศัยไหวพริบหลอกนายโนว่า ตนโอนอีกรอบครบไป 1 ล้านแล้ว จึงทำให้นายโน ยอมปล่อยตนให้รอดเงื้อมมือจากการโดนฆ่าปิดปาก โดยบอกตนว่า ให้รออีก 2 ชั่วโมงหลังนายโนหลบหนีไปแล้ว ค่อยหาทางออกไปขอความช่วยเหลือจากคนในละแวกบ้าน
นายรุจิภาส บอกต่อว่า การที่นายโน ทำแบบนี้ รู้ว่าเขามีปัญหาทางหนี้สิน และเขาก็ยังเป็นหนี้คนตายอยู่หลายแสน ซึ่งก็ถูกผู้ตายทวงถามอยู่บ่อย ๆ มันก็ไม่ผิดที่เจ้าหนี้จะทวงถามเรื่องเงินที่ถูกยืมไป ตนมองว่าเรื่องแบบนี้ คนเป็นหนี้ควรต้องใช้ แต่สุดท้ายมันก็ยังสามารถประนีประนอมกันได้ เพราะผู้ตายไม่มีนิสัยโหดร้ายอะไร แถมยังเคยช่วยเหลือนายโนอยู่บ่อยๆ ด้วยซ้ำ
เรื่องนี้ตนจะไม่อโหสิ และให้อภัยนายโน อย่างเด็ดขาดทั้งนี้ หลังจากการให้สัมภาษณ์ ปรากฏว่า บิดาและมารดาได้เดินทางมาที่วัด เพื่อมาไหว้เคารพศพ และขอขมาผู้ตาย ด้วยความเสียใจก่อนจะเดินไปพูดคุยกับนายรุจิภาส เพื่อขมาอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับรับปากว่า จะใช้หนี้แทนนายโนที่ยืมไปแทนทั้งหมด