มาตรการโครงการ “ช้อปดีมีคืน” กำลังถูกนำเสนอต่อรัฐบาล ให้พิจารณาปัดฝุ่นนำกลับมาใช้สิ้นปี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย หวังเพิ่มกำลังจับจ่าย กระตุ้นการบริโภค ในช่วงปลายปี 2564 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2565 ผ่านกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูง เพิ่มจากมาตรการที่ออกไปก่อนหน้านี้คือ มาตรการคนละครึ่งเฟส 3 และมาตรการยิ่งใช้ยิ่งได้
สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ได้เสนอให้รัฐบาลนำโครงการ ช้อปดีมีคืน กลับมาใช้อีกครั้งในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2564 คาดการณ์เงินสะพัดรวมอยู่ที่ 3 - 4 แสนล้านบาท ส่งผลให้ จีดีพี เติบโตขึ้นถึง 0.7 - 1 % สามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบได้อย่างมหาศาลในระยะเวลาอันรวดเร็วและใช้งบประมาณเพียง 15,000 - 20,000 ล้านบาท
ทำความรู้จักกันอีกครั้ง กับ "ช้อปดีมีคืน"
“ช้อปดีมีคืน” มาตรการความหวัง กระตุ้นกำลังซื้อ พลิกฟื้นเศษฐกิจปลายปี 2564 ช่วยให้ประชาชนที่ทำตามเงื่อนไขของโครงการ ได้รับสิทธิ์ในการ ลดหย่อนภาษี ประจำปี เพิ่มขึ้นจากปกติ ทั้งนี้สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจก่อนออกไปช้อป คือ "เงื่อนไข" ต่างๆ ของโครงการที่จะเป็นตัวชี้วัดว่า เราจะได้รับสิทธิ์ในการลดหย่อนที่ว่านี้หรือไม่
โดยเงื่อนไขสำคัญ ของ ช้อปดีมีคืน มี 3 ประเด็นหลักที่ทำให้เข้าใจมาตรการเหล่านี้มากยิ่งขึ้น ดังนี้
1. ใครได้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีจากช้อปดีมีคืนได้บ้าง
ช้อปดีมีคืน เป็นมาตราการกระตุ้นการใช้จ่าย สำหรับบุคคลที่เสียภาษีเงินได้ ด้วยการนำค่าซื้อสินค้าและบริการมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามจำนวนจ่ายจริงรวมกันไม่เกิน 30,000 บาทต่อคน ซึ่งผู้เสียภาษีแต่ละคนจะได้รับสิทธิ์ ลดหย่อนภาษี มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ จำนวนเงินที่ซื้อ และคิดอัตราภาษีคืนตามระดับ เงินสุทธิ ในแต่ละปี
2. ต้องมีการเอกสารอะไรบ้าง
แม้การเข้าโครงการ ช้อปดีมีคืน จะไม่ต้องลงทะเบียนก่อนใช้สิทธิ์ สิ่งที่ลืมไม่ได้ คือการขอเอกสารเพื่อใช้ในการขอลดหย่อนภาษี
3. เงื่อนไขที่ต้องรู้
สินค้าที่ร่วมโครงการช้อปดีมีคืน
สินค้าที่ไม่ได้รับสิทธิเข้าร่วมโครงการ