จากอิทธิพลของพายุโซนร้อนเตี๋ยนหมู่ไลอ้อนร็อค และคมปาซุ ส่งผลให้ปริมาณน้ำในหลายพื้นที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น พบว่าแม่น้ำชีมีน้ำระดับสูงขึ้นกว่าระดับตลิ่งอีกครั้ง หลังจากที่ระดับน้ำชีลดต่ำกว่าระดับตลิ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนที่อยู่ติดฝั่งลำน้ำได้รับผลกระทบรอบที่ 2
21 ตุลาคม 2564 จากมติที่ประชุมคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดขอนแก่น ครั้งที่ 9/2564 เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2564 ให้เขื่อนอุบลรัตน์ปรับเพิ่มการระบายน้ำได้สูงสุดวันละ 20 ล้าน ลบ.ม. และจากปริมาณน้ำที่เข้าเขื่อนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้องระบายน้ำเพิ่มขึ้น ซึ่งหากเขื่อนอุบลรัตน์จะปรับเพิ่มการระบายน้ำมากกว่าวันละ 20 ล้าน ลบ.ม. ต้องประชุมหารือร่วมกัน 3 ฝ่ายคือ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 3 โรงไฟฟ้าพลังน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขื่อนอุบลรัตน์ และ สำนักงานชลประทานที่ 6 โดยในที่ประชุมมีมติร่วมกันคือให้ระบายน้ำแบบขั้นบันได ดังนี้
1. วันพุธที่ 20 ตุลาคม 2564 ระบายวันละ 21 ล้าน ลบ.ม
2. วันพฤหัสบดีที่ 21 ตุลาคม 2564 ปรับเพิ่มระบายเป็นวันละ 24 ล้าน ลบ.ม.
3. วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป ระบายวันละ 25 ล้าน ลบ.ม.
ทั้งนี้การปรับลด-เพิ่มการระบายน้ำ พิจารณาให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อน
นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า จังหวัดต้องมีการปรับการระบายน้ำออกจากเขื่อนอุบลรัตน์ เพื่อให้ระดับน้ำไหลเข้าและไหลออกนั้นสัมพันธ์กัน ส่วนมวลน้ำจากแม่น้ำพองจากการปรับการระบายน้ำที่เพิ่มขึ้นจะมาบรรจบกับน้ำในแม่น้ำชี ที่รอยต่อ ต.พระลับ และ ต.บึงเนียม ในอีก 3 วันต่อจากนี้ ทางจังหวัดจึงแจ้งเตือนประชาชนเฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง หากพบว่าน้ำท่วมสูงให้ขนย้ายสิ่งของไว้ที่ที่ปลอดภัย เนื่องจากปริมาณน้ำยังคงเพิ่มสูง พร้อมกำชับให้จัดเจ้าหน้าที่คอยสังเกตการณ์ปริมาณน้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้ชลประทาน โยธาธิการจังหวัด กรมเจ้าท่าและ อปท.ในทุกพื้นที่ตรวจสอบแนวคันดินที่เป็นพนังกั้นน้ำ และ ตลิ่งริมสองฝั่งแม่น้ำ ทั้งแม่น้ำพองและแม่น้ำชี เนื่องจากจะต้องรับแรงกระแทกจากมลน้ำหนุนอีกระลอก โดยเฉพาะเขตบรรจบน้ำของแม้น้ำพองและแม่น้ำชี ที่อาจจะมีการทรุดตัวลงดังนั้นทุกหน่วยงานต้องรับมือกับภาวะเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
“คาดว่าอีก 7 วันมวลน้ำจากชัยภูมิจะเข้าเขตตัวเมืองขอนแก่น ดังนั้นการเร่งระบายน้ำในแม่น้ำชี ให้ไหลลงตามเส้นทางน้ำ ให้ได้มากที่สุดในระยะนี้จึงต้องจำเป็นอย่างยิ่งและให้ได้มากที่สุด เพื่อรองรับมวลน้ำก้อนที่ 2 และน้ำจากการระบายมาตามแม่น้ำพอง อย่างไรก็ตาม พื้นที่ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมนั้นจะยังคงท่วมขังต่อไปอย่างต่อเนื่องตามการระบายน้ำและภาวะน้ำหลากจากพายุฝนที่ตกลงมา ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์ระดับน้ำทุกชั่วโมง เพื่อรับมือกับภาวะน้ำท่วมฉับพลัน ทั้งจากพายุฝนและการปรับการระบายน้ำตามเส้นทางน้ำที่กำหนด ขณะที่พนังกั้นน้ำ ที่ บ.ดอนบม ต.เมืองเก่า ซึ่งเป็นจุดสำคัญของจังหวัด ควบคู่กับเขต ต.พระลับ อ.เมือง คณะทำงานร่วมทุกฝ่ายได้ตรวจสอบความแข็งแรงและดันน้ำหนุนที่ประตูระบายน้ำ D8-D9 ที่ ต.พระลับ ไม่ให้น้ำไหลย้อนกลับหรือไหลทะลักเข้าเขตตัวเมืองชั้นในอ่างเข้มงวดตลอดทั้ง 24 ชม.”นายสมศักดิ์ กล่าว
โดย-กวินทรา ใจซื่อ