14 ตุลาคม 2564 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. แถลงผลประชุมศบค. ว่า ที่ประชุมศบค.เห็นชอบแผนการจัดหา ยาโมลนูพิราเวียร์ จำนวน 50,000 คอร์ส ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยมอบหมายให้ กรมการแพทย์ เสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อพิจารณากรอบวงเงิน นอกจากนี้ที่ประชุมยังรับทราบแผนการจัดหาวัคซีน ยังคงเป็นไปตามแผนการเดิม คือ นำเข้าวัคซีนตลอดทั้งปีนี้ จำนวน 127 ล้านโดส ขณะที่เป้าหมายการฉีดวัคซีนในเดือนตุลาคม ตั้งเป้าอย่างน้อย ครอบคลุมประชากรทั้งหมด ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ร้อยละ 50 และอย่างน้อยร้อยละ 70 ในหนึ่งพื้นที่ COVID Free Area หรือพื้นที่เตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยว หรือเชื่อมโยงจังหวัดเปิดรับนักท่องเที่ยว
พร้อมทั้งตั้งเป้าฉีดครอบคลุมกลุ่มผู้สูงอายุ และ 7 กลุ่มโรคเสี่ยง เพิ่มเป็นร้อยละ 80 นอกจากนี้ยังเพิ่มการฉีดจังหวัดนำร่องท่องเที่ยวจากเดิม ประกอบด้วย ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพงัน เกาะเต่า) พังงา(เขาหลัก เกาะยาว) กระบี่(เกาะพีพี เกาะไหง ไล่เลย์) ที่ตั้งเป้าฉีดระยะที่ 1 ให้ได้ภายในวันที่ 31 ตุลาคม เพิ่มอีก 15 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ กระบี่ พังงา ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ชลบุรี ระนอง เชียงใหม่ เลย บุรีรัมย์ หนองคาย อุดรธานี ระยอง และตราด ตั้งเป้าฉีดระยะที่ 1ให้ได้ภายในวันที่ 31 พฤศจิกายน 2564 มอบหมายหน่วยงานเกี่ยวข้องดำเนินการ เพื่อเตรียมพร้อมรับการเปิดประเทศ
นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวต่อ วันนี้ มีผู้เข้าร่วมประชุมหลากหลายทั้งจากภาครัฐและเอกชน ทั้ง ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะผอ.ศปก.ศบค.ประธานหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้ร่วมให้รายละเอียดในการรองรับแผนเปิดประเทศ