12 ตุลาคม 2564 เวลา 14.00 น. ที่วัดประดู่พัฒนารม ตำบลท่าวัง อำเภอเมือง นครศรีธรรมราช พระพรหมจริยาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนใต้ (มหานิกาย) พระธรรมวิมลโมลี เจ้าคณะภาค 16 (มหานิกาย) ได้เชิญตราตั้ง พระสิริคณาจารย์ รองเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช อย่างเป็นทางการตามธรรมเนียมปฏิบัติของการแต่งตั้งเจ้าคณะปกครองสงฆ์ พร้อมกันนั้นได้นำตราตั้งให้พระราชปริยัติเวที เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช รูปเดิมพ้นจากตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช
โดยในพิธีการ พระธรรมวิมลโมลี เจ้าคณะภาค 16 ได้กล่าวถวายรายงานต่อ พระพรหมจริยาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนใต้ หลังจากนั้นผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธสาสนาจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้อ่านพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก พร้อมอ่านตราตั้งซึ่งเป็นไปตาม พรบ.คณะสงฆ์ และกฎมหาเถรสมาคม เป็นที่สุดแล้ว พระราชปริยัติเวที ได้เข้านมัสการพระพรหมจริยาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนใต้ รับตราตั้งเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช และพ้นจากตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช จากนั้นพระสิริคณาจารย์ ได้เข้ารับตราตั้งเป็นเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช พ้นจากตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช ท่ามกลางที่ประชุมสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา
สำหรับการการตั้งพระสิริคณาจารย์ เป็นเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เกิดขึ้นท่ามกลางความยินดีของพุทธศาสนิกชนชาวนครศรีธรรมราช ที่ทราบถึงวัตรปฏิบัติของพระสิริคณาจารย์ ที่ไม่เคยมีข้อครหา หรือข้อร้องเรียนใดๆเกี่ยวกับวัตรปฏิบัติ เป็นพระสงฆ์ที่ได้รับการเคารพนับถือเลื่อมใสอย่างกว้าขวาง ไม่ปรากฎการใช้อำนาจปกครองสงฆ์ในทางมิชอบทำให้คณะสงฆ์มีมลทินด่างพร้อย ไม่มีข้อครหาเกี่ยวกับการจัดการกลุ่มคนเครือข่ายของตัวเองไปแสงหาประโยชน์จากวัดวาอารามต่างๆ ตั้งแต่ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสจนถึงเจ้าคณะปกครองสงฆ์มาตามลำดับ
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ได้มีความพยายามในการสร้างกระแสข่าวจากบางฝ่ายว่ามีกลุ่มคนพยายามปองร้ายพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่รูปหนึ่ง ซึ่งในการสืบสวนเชิงลึกของเจ้าหน้าที่นั้นทราบว่าเป็นความปล่อยกระแสข่าวจากกลุ่มผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามในกระบวนการแก้ไขปัญหากลุ่มผลประโยชน์ที่แสวงหาเกาะกินอยู่ในวงการสงฆ์นครศรีธรรมราช
ก่อนหน้านี้ได้มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่รวบรวมเอกสารหลักฐานต่างๆจำนวนมากซึ่งกระจายอยู่ในหลายหน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพดำเนินการเช่นตำรวจ ปปป. ปปง.อยู่ในระหว่างการดำเนินการเช่นความผิดปกติการสวมชื่อสงฆ์ที่ไม่มีคุณสมบัติเข้ารับเงินนิตยภัตร การฟอกเงินผ่านบัญชีหนึ่ง การรับรองบุคคลโดยใช้เอกสารปลอม การยักยอกเงินอุดหนุนวัดเมื่อถูกจับได้แล้วมีการโอนเงินกลับคืน ซึ่งในทางปฏิบัตินั้นถือว่ามีการครบองค์ประกอบความผิดแล้ว เช่นเดียวกับทางวินัยสงฆ์การยักยอกหรือลักทรัพย์ของผู้อื่นเกินกว่า 5 มาสกย่อมขาดจากความเป็นสงฆ์ไปแล้วนั่นเอง .
ภาพ / ข่าว โดย :
กฤษณะ ทิวัตถ์สิริกุล จ.นครศรีธรรมราช