ศบค.เผย ใต้ยอดแซงกทม. พบ คลัสเตอร์ตลาดเมืองใหม่ เชียงใหม่ กระจาย 6 คลัสเตอร์

11 ตุลาคม 2564 แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ประจำวันที่ 11 ตุลาคม ว่า ประเทศไทยอยู่ลำดับที่ 24 ของโลก  ผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ 10,035 ราย ติดเชื้อในประเทศ 9,916 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 39 รายจากเรือนจำที่ต้องขัง 80 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 1,692,056 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 1,720,919 ราย หายป่วยแล้ว 10,590 ราย หายป่วยสะสม 1,565,477 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 60 ราย เสียชีวิตสะสม 17,657 ราย หรือ 1.04 % ผู้ป่วยรักษาอยู่ 110,265 ราย ในโรงพยาบาล 41,930 ราย โรงพยาบาลสนามและอื่นๆ 68,335 ราย อาการหนัก 2,969 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 680 ราย

ผู้รับวัคซีนฉีดแล้ว 60,228,105 โดส เข็มที่หนึ่งเพิ่มขึ้น 311,265 ราย สะสม 35,093,892 ราย คิดเป็น 48.7 % ของประชากร เข็มที่สองเพิ่มขึ้น 345,437 ราย สะสมรวม 23,400,992 ราย คิดเป็น 32.5 % ของประชากร เข็มที่สามเพิ่มขึ้น 31,779 ราย สะสมรวม 1,733,221 ราย คิดเป็น 2.4% ของประชากร ทั้งนี้ความครอบคลุมการได้รับวัคซีน โควิด-19 ในจังหวัดใช้แดนใต้วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ถึง 10 ตุลาคม ( ค่าเฉลี่ย รวม 4 จังหวัด นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา ) เข็มที่หนึ่งรวม 41.9 %  โดยจังหวัดที่ยังไม่ถึง 40 % คือ นราธิวาส เข็มที่หนึ่งคิดเป็น 34.7 % ปัตตานี 36.8 % ขณะที่จังหวัดยะลาฉีดได้ 49.3 % สงขลา 45.6 % โดยเป้าหมายในเดือนตุลาคมต้องพยายามฉีดให้ได้ถึง 50 % ของประชากรแต่ละจังหวัด รวมทั้งกลุ่ม 608 ต้องพยายามฉีดให้ถึง 70% ของแต่ละจังหวัด

นอกจากนี้จังหวัดเร่งระดมฉีดวัคซีนเด็กอายุ 12- 17 ปี ขอให้แต่ละจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดใช้แดนใต้ วางแผนการฉีดวัคซีนให้ทันกับวัคซีนที่จัดส่ง เพราะในรายงานพบว่ายังมีวัคซีนที่จะส่งไป ยังอยู่ในสต๊อกฉีดไม่ทัน จึงขอเน้นย้ำภาครัฐ หน่วยงานที่ระดมฉีด รวมทั้งประชาชน ขอให้ความร่วมมือ โดยในเดือนตุลาคม จะต้องฉีดให้ได้เกิน 50 % ทั้งนี้พบว่าการฉีดวัคซีนในกลุ่มนักเรียนนักศึกษาอายุระหว่าง 12- 17 ปี เป้าหมาย 4,500,000 ราย ฉีดเข็มที่หนึ่ง 419,222 ราย คิดเป็น 9.3 % เข็มที่สอง 4,036 ราย คิดเป็น 0.1 %

ขณะที่ความครอบคลุมการได้รับวัคซีนจำแนกตามจังหวัด และการได้รับวัคซีนตามเป้าหมายวันที่ 11 ตุลาคม (ผลการดำเนินงานถึงวันที่ 10 ตุลาคม) พบว่าความครอบคลุมประชากรทั้งหมด 40- 49 % คือ นครปฐม ยะลา สงขลา ประจวบคีรีขันธ์ สิงห์บุรี สระบุรี นครราชสีมา กาญจนบุรี บุรีรัมย์ สุราษฎร์ธานี ตรัง ตราด เชียงใหม่ ลำพูน อุตรดิตถ์ อุทัยธานี และกระบี่ ความครอบคลุมประชากรทั้งหมดมากกว่า 50 % คือ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี สมุทรสาคร สมุทรปราการ นนทบุรี อยุธยา ฉะเชิงเทรา ชลบุรี นครนายก เพชรบุรี ระยอง พังงา ภูเก็ต ระนอง ครอบคลุมกลุ่มผู้สูงอายุมากกว่า 70 % คือ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี พังงา ภูเก็ต ระนอง และสุราษฎร์ธานี

ทิศทางสถานการณ์ผู้ป่วยอาการหนัก (ปอดอักเสบ) และใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิตในประเทศไทย พบว่า ผู้ป่วยปอดอักเสบ วันที่ 28 กันยายน จำนวน 3,283 รายวันที่ 11 ตุลาคม 2,969 ราย ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ วันที่ 28 กันยายน จำนวน 738 ราย วันที่ 11 ตุลาคม จำนวน 680 ราย ผู้ป่วยเสียชีวิต วันที่ 28 กันยายน จำนวน 129 ราย วันที่ 11 ตุลาคมจำนวน 60 ราย ซึ่งเป็นไปในทิศทางลดลงอย่างชัดเจน หากเทียบกับปลายเดือนกันยายน 

ขณะที่จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่วันนี้ 10,035 ราย จากต่างประเทศ 39 ราย เป็น กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 2,122 ราย 4 จังหวัดภาคใต้ 2,185 รายจั งหวัดอื่น 67 จังหวัด 5,609 ราย เรือนจำและที่ต้องขัง 80 ราย ทั้งนี้หากเทียบเป็นกราฟ จะเห็นว่าเปอร์เซ็นต์ของ 4 จังหวัดภาคใต้ พุ่งเลย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล คือคิดเป็น 22% ขณะที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 19% ส่วนจังหวัดอื่นๆ 59%

ขณะที่ผู้ป่วยเสียชีวิต จำนวน 60 ราย จำแนกเป็น กรุงเทพมหานคร รวม 5 ราย สมุทรปราการ ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรสาคร รวม 12 ราย อุดรธานี สุรินทร์ อุบลราชธานี นครราชสีมา ชัยภูมิ ขอนแก่น รวม 8 ราย  เพชรบูรณ์ ตาก เชียงราย รวม 4 ราย ยะลา นราธิวาส ชุมพร ภูเก็ต สงขลา นครศรีธรรมราช รวม 17 ราย ระยอง ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา สระบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี กาญจนบุรี และสิงห์บุรี รวม 14 ราย เป็นชาย 32 ราย หญิง 28 ราย ชาวไทย 54 ราย เมียนมา 4 ราย กัมพูชา 1 ราย จีน 1 ราย ค่ามัธยฐานของอายุ 62 ปี (5-91 ปี) ค่ามัธยฐานทราบติดเชื้อถึงเสียชีวิต 13 วัน นานสุด 45 วัน อายุ 60 ปีขึ้นไป 36 ราย คิดเป็น 60% อายุน้อยกว่า 60 ปีมีโรคเรื้อรัง 18 ราย คิดเป็น 30 % ไม่มีประวัติโรคเรื้อรัง 3 ราย คิดเป็น 5 % เด็ก 2 ราย คิดเป็น 3 % อายุ 5 ปี ไม่มีโรคประจำตัว จังหวัดสมุทรปราการ และอายุ 13 ปี เป็นโรคเบาหวาน จังหวัดระยอง ไม่ได้รับวัคซีน หญิงตั้งครรภ์ 1 ราย คิดเป็น 2 % อายุ 34 ปี จังหวัดยะลา ทั้งนี้พบเสียชีวิตนอกโรงพยาบาล 1 ราย จังหวัดสมุทรปราการ ตรวจพบเชื้อหลังเสียชีวิต

ทั้งนี้ผู้ป่วยติดเชื้อเสียชีวิตและประวัติได้รับวัคซีน แยกตามกลุ่มอายุข้อมูลตั้งแต่ วันที่ 1 เมษายนถึง 7 ตุลาคม 17,324 ราย โดย แบ่งเป็นกรุงเทพมหานคร 22.1 % ปริมณฑล 36.34 % ชายแดนใต้ 4.57 % จังหวัดอื่น 36.98 % โดยพบว่าผู้เสียชีวิต 60 % เป็นผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน 20 % เป็นผู้ที่ไม่ได้มีระบบข้อมูลลงในหมอพร้อม 19 % ฉีดวัคซีนเพียง 1 เข็ม ขณะที่กลุ่มฉีดวัคซีนครบและยังมีการติดเชื้อถึงขั้นเสียชีวิตพบน้อยกว่า 1 % จึงเป็นการตอกย้ำว่าอย่างไรก็ตามการฉีดวัคซีนจะช่วยลดอัตราการป่วยหนักและเสียชีวิต จึงขอประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน โดยทั่วกันและขณะนี้วัคซีนค่อนข้างมีอย่างเพียงพอ ทางกรมควบคุมโรคก็จัดสรรให้อย่างเพียงพอในแต่ละจังหวัด

ผู้ติดเชื้อสูงสุด 10 อันดับแรก กรุงเทพมหานคร 1,160 ราย สะสมรวมตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนถึง 11 ตุลาคม 380,226 ราย ยะลา 719 ราย สะสมรวม 30,126 ราย ปัตตานี 547 ราย สะสมรวม 26,050 ราย สมุทรปราการ 532 ราย สะสมรวม 116,074 ราย สงขลา 505 ราย สะสมรวม 35,371 ราย ชลบุรี 473 ราย สะสมรวม 93,939 ราย นครศรีธรรมราช 473 ราย สะสมรวม 19,525 ราย นราธิวาส 414 ราย สะสมรวม 28,854 ราย ระยอง 378 ราย สะสมรวม 35,635 รายและจันทบุรี 279 ราย สะสมรวม 13,970 ราย 

ส่วนคลัสเตอร์ที่เกิดขึ้นพบว่ามีลักษณะคล้ายกัน เช่น ตลาดเมืองใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ติดเชื้อสะสม 265 คน มีการกระจายไป 6 คลัสเตอร์ ระบาดไปหลายอำเภอและต่างจังหวัด ทั้งนี้จากการสอบสวนโรค พบกลุ่มก้อนการติดเชื้อจากผู้ค้า รวมทั้งแรงงานเข็นผัก ผลไม้ในตลาด มีทั้งคนไทย และแรงงานต่างด้าว พฤติการณ์มีการเดินจากแผงหนึ่งไปอีกแผงหนึ่ง จึงมีการติดเชื้อกระจายเป็นวงกว้าง ดังนั้นจังหวัดเชียงใหม่ จึงทำการประกาศปิดตลาด เพื่อทำความสะอาด ตรวจสอบสภาพแวดล้อม นอกจากนี้พบว่ามีคนจากนอกพื้นที่มาติดเชื้อจากตลาดแห่งนี้ ซึ่งกรมควบคุมโรคพยายามติดตามว่าจะเป็นคลัสเตอร์ไปยังจังหวัดอื่นหรือไม่ โดยใน 10 ราย อยู่ใน 5 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร ลำปาง ปทุมธานี กาญจนบุรี และระยอง นอกจากนี้จังหวัดเชียงใหม่ยังมีรายงานคลัสเตอร์อีก ไม่ว่าจะเป็น งานเลี้ยง ร้านหมูกระทะ ร้านอาหาร โรงเรียน ส่วนจังหวัดอื่น เช่น พิษณุโลก มีโรงงานไก่ โรงงานเสื้อผ้า ค่ายทหาร และมีการระบาดแพร่กระจายไปที่ จังหวัดตาก

แพทย์หญิงอภิสมัย กล่าวต่อ เนื่องจากมีรายงานแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง จากการสอบสวนแรงงานที่ทำผิดกฎหมายพบว่า เป็นแรงงานที่เข้ามาล็อตใหม่เพื่อรองรับการเปิดประเทศ ซึ่งต้องดูว่าเป็นจังหวัดไหน พื้นที่ใด ผู้ประกอบการรายใด กิจการอะไรที่พยายามทำผิดกฏหมาย จึงขอฝากไปยังทุกจังหวัด ช่วยกันเน้นย้ำ เนื่องจากเรากำลังเตรียมความพร้อมในการผ่อนคลายที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ขณะเดียวกันอาจมีประชาชนจำนวนหนึ่ง อาจจะทำความผิดและทำให้เกิดการแพร่กระจายการระบาดเป็นกลุ่มก้อน นอกจากนี้ขอให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่ แจ้งสายด่วน สายตรงได้ อย่างไรก็ตามการประชุมศบค. ที่จะเกิดขึ้น วันพฤหัสบดี เป็นเรื่องของจังหวัดที่จะต้องมีการผ่อนคลาย สิ่งสำคัญจะมีการหารือในเรื่องจังหวัดนำร่องท่องเที่ยวระยะหนึ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เช่น สมุย ตัวเลขผู้ติดเชื้ออาจจะไม่ได้เป็นปัจจัยเดียวที่ทางสาธารณสุขจะพิจารณา หากมีรายงานผู้ติดเชื้อสูงจริงแต่มีมาตรการที่สามารถดูแลผู้ป่วยให้ปลอดภัยได้ มีการจัดการผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเสี่ยงต่ำได้อย่างเหมาะสม ศบค. อาจพิจารณาผ่อนคลายต่อไปได้ ตัวอย่างคือ จ. ภูเก็ต