
8 ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา ศาลอาญามีนบุรี อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีความผิดต่อชีวิตจ้างวานฆ่า “เอ็กซ์” จักกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติ ที่อัยการศาลจังหวัดมีนบุรี และนายมานพ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติ และพ่อของ “เอ็กซ์” เป็นโจทก์ร่วมฟ้องจำเลยที่ 1 นายจีรศักดิ์ กลิ่นคล้าย มือปืน , จำเลยที่ 2 น.ส.สุรางค์ ดวงจินดา มารดาของ พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ หรือ “หมอนิ่ม” อดีตภรรยาผู้ตาย , จำเลยที่ 3 “หมอนิ่ม” , จำเลยที่ 4 นายสันติ ทองเสม หรือทนายอิ๊ด , และจำเลยที่ 5 นายธวัชชัย เพชรโชติ คนขี่ จยย.ให้มือปืน
ทั้งหมดเป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น ฯ , จ้างวานฆ่าผู้อื่นฯ , พ.ร.บ.อาวุธปืน โดยมารดาผู้ตายยื่นคำร้องให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 4.4 ล้านบาท
คดีนี้โจทก์ระบุฟ้องความผิด สรุปว่า ระหว่างเดือน ส.ค.-19 ต.ค.2556 จำเลยที่ 2- 4 ร่วมกันจ้างวานให้ จำเลย 1 กับพวกที่หลบหนี ใชัอาวุธปืนยิง “เอ็กซ์” ขณะอยู่บนรถปอร์เช่ สีดำ จนถึงแก่ความตาย เหตุเกิดหน้าวัดบางเพ็งใต้ ถ.สุขาภิบาล 3 เขตมีนบุรี ซึ่งชั้นสอบสวนและชั้นศาล “หมอนิ่ม” พร้อมมารดา และ “ทนายอิ๊ด” ให้การปฏิเสธ
กระทั่งวันที่ 19 ธ.ค.2559 ศาลจังหวัดมีนบุรี (ขณะนั้น) อ่านคำพิพากษาให้ประหารชีวิต “หมอนิ่ม” และ “ทนายอิ๊ด” ส่วนมือปืน และผู้ทำหน้าที่ขี่ จยย.ให้จำคุกตลอดชีวิต ด้านมารดาของ “หมอนิ่ม” พิพากษายกฟ้อง ต่อมาศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งให้ “หมอนิ่ม” ได้ประกันตัว ตีหลักทรัพย์ 2.5 ล้านบาท ระหว่างอุทธรณ์
จนวันที่ 7 ส.ค.2561 ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง “หมอนิ่ม” แต่ให้ลงโทษประหารชีวิตมารดา ฐานจ้างวานให้ฆ่าผู้ตาย เนื่องจากศาลเห็นว่าจำเลยรายนี้ ยังโกรธแค้นที่ผู้ตายมักทำร้ายร่างกายลูกสาวคนเดียว และทำร้ายหลานสาวได้รับบาดเจ็บหลายครั้ง และเชื่อว่าผู้ตายไม่สามารถแก้ไขพฤติกรรมได้
ซึ่งคำให้การของมารดา “หมอนิ่ม” เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกตลอดชีวิต ส่วน “หมอนิ่ม” ศาลเห็นว่า ยังมีความรักใคร่ผู้ตาย โดยระหว่างที่เกิดเรื่องยังเคยมีเพศสัมพันธ์กัน และเคยพาบุตรสาวไปเยี่ยมที่เรือนจำทหาร ในคดีทำร้ายร่างกาย และคดียาเสพติด
จากนั้นศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวมารดาของ “หมอนิ่ม” ระหว่างฎีกา โดยตีราคาประกัน 1 ล้านบาท ส่วนทางมือปืน และมารดา “หมอนิ่ม” ในฐานะจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ยื่นฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษา เห็นว่า ฎีกาของมือปืน และมารดา “หมอนิ่ม” ที่ต่อสู้ในประเด็นการร่วมกับ “ทนายอิ๊ด” และผู้ทำหน้าที่ขี่ จยย.ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 2.5 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย จนกว่าจะชำระเสร็จให้กับโจทก์ร่วมและผู้ร้องนั้น ฟังไม่ขึ้น และที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ทั้งคู่ร่วมชดใช้ ถือว่าชอบด้วยเหตุผลแล้ว ส่วนฎีกาข้ออื่นที่ต่อสู้ประเด็นการรับฟังคำให้การพยานที่มาลงโทษจำเลย ก็ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนพฤติการณ์ของมารดา “หมอนิ่ม” ศาลฎีกาเห็นว่า เกิดจากการที่ผู้ตายกระทำต่อ “หมอนิ่ม” ครั้งแล้วครั้งเล่า และบางครั้งยังกระทำต่อหน้าหลานๆ เนื่องมาจากปัญหาการควบคุมอารมณ์ของผู้ตาย
โดยก่อนเกิดเหตุมีความไม่แน่นอนว่า ผู้ตายที่เป็นนักกีฬายิงปืน อาจใช้อาวุธปืนกระทำต่อ “หมอนิ่ม” และครอบครัว ในขณะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เพราะก่อนเกิดเหตุเพียง 2 เดือน ผู้ตายใช้ปืนยิงไปทางคนรับใช้ และบุตรคนเล็ก จนผู้ตายถูกจับ และถูกควบคุมตัวที่เรือนจำ และเพิ่งได้รับการประกันตัวมาไม่นาน
การกระทำความผิดของมารดา “หมอนิ่ม” ที่ขณะเกิดเหตุเป็นหญิงอายุ 72 ปี และบัดนี้อายุเกือบ 80 ปี ไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน จึงเข้าลักษณะของผู้กระทำความผิดที่ตกอยู่ในความทุกข์อย่างสาหัส มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ที่ศาลอาจลดโทษได้ให้ไม่เกินกึ่งหนึ่ง
และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 52 ในการลดโทษประหารชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการลดมาตราส่วนโทษ หรือลดโทษที่จะลง ให้ลดดังต่อไปนี้ โดยถ้าจะลดกึ่งหนึ่ง ให้ลดเป็นโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือโทษจำคุกตั้งแต่ 25-50 ปี ที่ศาลอุทธรณ์ลดโทษให้มารดา “หมอนิ่ม” เพียง 1 ใน 3 และคงจำคุกตลอดชีวิต ด้วยเหตุเพียงคำให้การชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ศาลฎีกายังไม่เห็นพ้องด้วย เห็นควรลดโทษให้จำเลยอีก
ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้ว่า คำให้การชั้นสอบสวนของมารดา “หมอนิ่ม” เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา และกระทำความผิด เพราะตกอยู่ในความทุกข์อย่างสาหัส มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (2) คงลงโทษจำคุกไว้ 25 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์