เพิ่ม nation online
ลงในหน้าจอหลักของคุณ
6 ตุลาคม 2564 นายแพทย์ สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยความคืบหน้ากรณีการนำเข้า ยาโมลนูพิราเวียร์ ว่า กรมการแพทย์ได้มีการพูดคุยกับบริษัทต่างๆ เกี่ยวกับยาต้านไวรัสที่อยู่ในต่างประเทศ ซึ่งยาโมลนูพิราเวียร์ เป็นหนึ่งในยาที่ให้ความสนใจและได้มีการพูดคุยมาต่อเนื่อง
โดยโมลนูพิราเวียร์ เป็นยาต้านไวรัสโควิด ชนิดเดียวที่ทำออกมาตอนนี้ หลักการ คือ ออกฤทธิ์ยับยั้งเชื้อไวรัสโดยตรงไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ดั้งเดิม หรือสายพันธุ์ใหม่ที่มีอยู่ขณะนี้ ยาโมลนูพิราเวียร์พิสูจน์แล้วว่า สามารถยับยั้งไวรัสไม่ให้เพิ่มจํานวนได้
ทั้งนี้ ได้มีการวิจัยแบบสุ่มระยะที่ 3 พบว่าผู้ป่วยโควิดที่มีอาการเล็กน้อย ปานกลางและไม่ได้รับวัคซีน ได้ให้ยาภายใน 5 วันตั้งแต่วันที่เริ่มมีอาการ โดยผู้ป่วยทุกรายจะต้องมีปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอาการรุนแรงอย่างน้อย 1 ปัจจัย เช่น โรคประจำตัวร่วมด้วย อย่างใดอย่างหนึ่ง ร่วมกับมีอาการป่วยไม่รุนแรง
ข้อมูลจากการวิเคราะห์เบื้องต้นในการทำวิจัยกับผู้ป่วย 775 คน โดยให้ยาโมลนูพิราเวียร์ 385 คน และยาหลอก 377 คน ในปริมาณ 800 มิลลิกรัม วันละ 2 เวลา เช้า-เย็น เป็นระยะเวลา 5 วัน พบว่าลดความเสี่ยงในการนอนโรงพยาบาลและเสียชีวิตภายใน 29 วันได้ร้อยละ 50 โดยในกลุ่มที่ได้รับยาจริง พบว่า ไม่มีอาการเสียชีวิตเลย
ทั้งนี้ แผนดำเนินการยาโมลนูพิราเวียร์ หากได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาให้ใช้เป็นกรณีฉุกเฉินได้ ก็จะเป็นยาต้านโควิด-19 ชนิดเม็ดตัวแรกที่จะได้รับการรับรองจากทางการสหรัฐ
โดย Merck ตั้งเป้าผลิตยาให้ได้สำหรับ 10 ล้านคนภายในปีนี้ และมีแผนการทำสัญญากับฐานการผลิตยาหลายแห่งในประเทศอินเดีย เพื่อให้ได้ยาโมลนูพิราเวียร์ที่มีราคาถูกให้กับประเทศที่มีรายได้น้อยถึงปานกลาง
ส่วนที่มีรายงานว่าการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์คอสละ 24,000 บาท นั้น นายแพทย์ สมศักดิ์อธิบายว่า เป็นการคำนวณราคาในประเทศที่มีรายได้สูง ส่วนของประเทศไทย ราคาจะถูกกว่านั้น ในส่วนของการเปิดเผยราคาที่ทำการซื้อขาย เบื้องต้น ยังขอไม่เปิดเผยราคา เนื่องจากอยู่ในข้อตกลงสัญญาซื้อขายกับบริษัทผู้ผลิต แต่ยืนยันว่า ราคาจะถูกกว่าสหรัฐฯแน่นอน
ส่วนประเทศไทยกรมการแพทย์ได้หารือกับ MSD ซึ่ง เป็นบริษัทลูกของ Merck ตั้งแต่ช่วงกรกฎาคมที่ผ่านมา จากนั้น ช่วงเดือนสิงหาคม ถึง กันยานได้ มีจัดหา จัดซื้อ และสั่งจอง ช่วงกันยายนถึงตุลาคมได้มีการทำสัญญาซื้อขายยาโมนูลพิราเวียร์ซึ่งมีข้อตกลงบางส่วนที่ต้องเก็บเป็นความลับ โดยได้ทำการเซ็นสัญญาเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวานนี้ โดยอยู่ระหว่างเตรียมเอกสารขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาที่ประเทศสหรัฐอเมริกาก่อน จากนั้นก็จะเตรียมขึ้นทะเบียนกับอย.ไทยประมาณเดือนพฤศจิกายน
คาดว่าประเทศไทยจะได้ยาโมลนูพิราเวียร์ มาสำรองใช้ ประมาณเดือนธันวาคมนี้ โดยต้องอยู่กับการขึ้นทะเบียนที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐอเมริกาด้วยว่าจะขึ้นทะเบียนเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ อย่างไรก็ตาม ยังมีอีก 1-2 บริษัท รวมถึงบริษัทไฟเซอร์ ที่ได้มีการทดลองวิจัยยาต้านไวรัสโควิด
สำหรับกลุ่มอาการที่ใช้ยา กลุ่มอาการน้อยถึงปานกลางควรจะมีปัจจัยเสี่ยงร่วมด้วย ส่วนหญิงตั้งครรภ์ ยังไม่แนะนำให้กินยาชนิดนี้ เบื้องต้น ผู้ป่วยโควิด จะได้รับยาคลอสนึง 40 เม็ด กินเช้าเย็นรวมวันละ8เม็ด เม็ดละ200 มิลลิกรัม
แต่ทั้งนี้ไทย จะต้องมีการประชุมหารือกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน ถึงการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ว่าจะถูกนำมาแทนยาฟาวิพิราเวียร์หรือไม่ หรือจะใช้รักษาควบคู่กันไป