
2 ตุลาคม 2564 เมื่อเวลา 14.00 น. รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ด้านความปลอดภัย นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ แถลงผลการปฏิบัติการกู้ซากเรือลากจูงล่มและค้นหาผู้สูญหาย 2 ราย ระยะเวลา 4 วัน ที่ท่าน้ำวัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา หลังจากหารือกันตั้งแต่เวลา 11.00 น. ร่วมกับนักประดาน้ำ ผู้ประกอบการเรือลากจูง และประเมินสถานการณ์การเจอร่างของคนขับเรือเมื่อช่วงเช้าแล้วว่า “วันนี้มั่นใจแล้วว่าไม่มีผู้ใดติดอยู่ในเรือ จึงขอยุติภารกิจวันนี้”
ส่วนเรื่องต่อไปคือ การกู้เรือ ซึ่งจะต้องไปพิจารณาสภาพภูมิอากาศ และกระแสน้ำก่อน เมื่อกระแสน้ำกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ผู้ประกอบการก็จะเขียนแผนการกู้เรือส่งมา เพื่อจะวางแผนการกู้เรืออีกครั้ง
ทั้งนี้ จะต้องดูว่ากีดขวางการเดินเรือหรือไม่อย่างไร เพราะขณะนี้ยังไม่สามารถเข้าไปติดตั้งอุปกรณ์ในการกู้ได้ หลังจากใช้ความพยายามลากเรือมา 2-3 วันแล้ว เนื่องจากเรือจมลงไปในสะดือที่มีลักษณะเป็นแอ่ง จึงเกิดการติดเมื่อลากขึ้นมา ทำให้วันนี้จึงต้องตัดเชือก เพื่อเปิดการจราจรทางน้ำในเวลา 15.00 น.
จากการประเมินและสำรวจใต้น้ำ ด้วยเครื่องสแกนใต้น้ำแล้ว พบว่า เรือจมในความลึกเกินกว่า 20 เมตร จึงไม่มีผลกระทบต่อการเดินเรือหากเปิดการจราจรทางน้ำ และจากการประเมินเบื้องต้น ความสูงของเรือที่จะสัญจรไม่เกิน 7-8 เมตร จึงไม่มีผลกระทบกับการเดินเรือ
ส่วนแนวทางด้านความปลอดภัยในการเดินเรือหลังจากนี่ ทางกรมเจ้าท่ามีการกำหนดอยู่แล้ว ทั้งการตรวจเรือประจำปี และคนประจำเรือ ที่จะต้องมีความรู้ความสามารถ รวมถึงกำหนดให้การลากจูงเรือเป็นไปตามมาตรฐาน และจะต้องมีความสัมพันธ์กับโป๊ะที่ลาก
ขณะนี้มีสถานการณ์น้ำเกิดขึ้น เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น จึงให้ไม่เกิน 3โป๊ะ จากเดิมไม่เกิน 4 โป๊ะ และได้กำหนดมาตรการเพิ่มเติมสำหรับผู้เดินเรือในการกำชับให้ใส่เสื้อชูชีพ เพราะตามกฎหมายเป็นมาตรการในเชิงป้องกันอยู่แล้ว
ขณะที่ นายวรเทพ สุวจนกร เลขาธิการสมาคมผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทางน้ำ บอกถึงความเสียหายในช่วง4วันที่ผ่านมาด้วยว่า โดยปกติเรือสินค้าจะผ่านบริเวณนี้ วันละ 60,000-1แสนตัน มูลค่าความเสียหายวันละ 10ล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีเรือสินค้าต่างประเทศมาจอดรอสินค้า ก็จะต้องโดนค่าปรับเรือต่อวันวันละ 4 ล้านบาทอีก
ทั้งนี้เป็นสัญญานที่ดีที่จะกลับมาเดินเรือได้ตามปกติ และการสูญเสียนายสมชาย ธารกุล คนขับเรือ นั้น ถือเป็นบุคคลระดับอาจารย์ ซึ่งจะได้นำบทเรียนให้นำมาเรียนรู้เพื่อปรับปรุงแก้ไขในการเดินเรือต่อไป
ก่อนจะยุติภารกิจการกู้ซากเรือลากจูง เจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า ได้นำเครื่องสแกนใต้น้ำ มาทำการสแกนเพื่อดูลักษณะและความลึกของเรืออีกครั้งเพื่อให้เกิดความปลอดภัย ขณะที่นักประดาน้ำได้ทำการตัดเชือกที่ผูกโยงไว้ระหว่างเรือลากจูง กับซากเรือ เพื่อเคลียร์เส้นทางในการเปิดการจราจรทางน้ำด้วย
ส่วนเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา หลังจากที่ยืนยันตัวตนชัดเจนแล้วว่า พบร่างของ นายสมชาย คนขับเรือ ญาติๆที่มาติดตามภารกิจ ก็ได้เดินทางกลับออกไปจากท่าน้ำวัดพนัญเชิง เพื่อไปรอการประกอบพิธีทางศาสนาร่างขิงนายสมชาย และรอการค้นหาร่างของนางนฤมล ภรรยาคนขับเรือต่อไปด้วย