29 กันยายน 2564 อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งเตือนด่วนที่สุด 5 จังหวัด ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และ นนทบุรี เตรียมพร้อมรับผลกระทบ จากการระบายน้ำ "เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์"
โดย ข้อความแจ้งเตือนดังกล่าว ระบุว่า ด้วยกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้รับแจ้งจากกรมชลประทาน ว่า ในช่วงที่ผ่านมาพายุโขนร้อน "เตี้ยนหมู่" และหย่อมความกดอากาศต่ำ เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยทำให้มีฝนตกหนาแน่น และเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่
โดยคาดว่าจะมีปริมาณน้ำที่ไหลลง "เขื่อนป่าสัก" ชลสิทธิ์ ระหว่างวันที่ 27 ก.ย.- 3 ต.ค. 64 รวมจำนวน 515 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งหากยังคงระบายน้ำในอัตรา 8.64 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน จะทำให้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำเต็มอ่างในวันที่ 30 ก.ย.
ดังนั้น เพื่อให้มีพื้นที่รองรับน้ำที่จะไหลลง "เขื่อนป่าสัก" ได้ โดยไม่ทำให้น้ำเต็มเขื่อน กรมชลประทาน จึงจะเพิ่มการระบายน้ำจาก "เขื่อนป่าสัก" เป็น 34.56 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือประมาณ 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยจะทยอยเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ
เมื่อน้ำจำนวนนี้ไหลลงไปรวมกับปริมาณน้ำจาก คลองชัยนาท-ป่าสัก แล้ว จะควบคุมให้ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนพระรามหก ในอัตราไม่เกิน 700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่ริมแม่น้ำป่าสัก ตั้งแต่ท้ายเขื่อนพระรามหกในชุมชมนอกคันกั้นน้ำ บริเวณวัดสะตือ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 2-2.5 เมตร โดยระดับน้ำที่สูงขึ้นดังกล่าว จะไม่กระทบกับพื้นที่บริเวณตั้งแต่ท้ายน้ำวัดสะตือ ไปจนถึงจุดบรรจบแม่น้ำเจ้าพระยา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา "เขื่อนป่าสัก"