โฆษก ศบค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ชี้แจง แผนการเปิดพื้นที่เศรษฐกิจ เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยว ว่า หลังจากเริ่มต้นไปแล้ว กับโครงการนำร่อง ภูเก็ต แซนด์บ๊อกซ์ ระยะแรก ช่วง ก.ค.- ส.ค. วันนี้ ( 27 ก.ย.2564) ที่ประชุม ศบค. ก็ได้กำหนด ให้ช่วงวันที่ 1- 31 ตุลาคม 2564 เป็นช่วงเวลาการขยายพื้นที่นำร่องไป ในเมืองหลัก หรือ จังหวัดท่องเที่ยวที่มี รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 80% ของรายได้จากการเที่องเที่ยวทั้งหมด เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยว ที่ขยายจากภูเก็ต ไปยังจังหวัดสุราษฎร์ (เกาะสมุย เกาะพงัน เกาะเต่า) จังหวัดพังงา(เขาหลัก เกาะยาว) จังหวัดกระบี่(เกาะพีพี เกาะไหง
ไร่เลย์ คลองม่วง ทับแขก )
ส่วนระยะต่อไป ช่วงวันที่ 1-30 ตุลาคม 2564 กำหนดให้มีพื้นที่นำร่องด้านเศรษฐกิจ ในเมืองหลัก และจังหวัด ที่มีสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยว ไม่น้อยกว่า 15% จากรายได้การท่องเที่ยวทั้งหมด 10 จังหวัด คือ ที่ กรุงเทพมหานคร , กระบี่ (ทั้งจังหวัด) พังงา(ทั้งจังหวัด) ประจวบคีรีขันธ์(ตำบลหัวหิน และหนองแก),เพชรบุรี (เทศบาลเมืองชะอำ) ,ชลบุรี (พัทยา ,บางละมุง นาจอมเทียน , บางเสร่) ระนอง (เกาะพยาม) ,เชียงใหม่ (อ.เมือง , แม่ริม แม่แตง ดอยเต่า ,เลย (เชียงคาน) และจังหวัดบุรีรัมย์ (อ.เมือง)
ระยะถัดไป วันที่ 1- 30 ธ.ค. 2564 เป็นเมืองหลัก ที่มีสัดส่วนที่มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไม่น้อยกว่า 15 % ของรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งหมด และมีสินค้าด้านการท่องเที่ยว - ศิลปวัฒนธรรม และมีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน 20 จังหวัด คือ เชียงราย ,แม่ฮ่องสอน,ลำพูน,แพร่,หนองคาย ,สุโขทัย,เพชรบูรณเลย,ปทุมธานี,อยุธยา,สมุทรปราการ,ตราด,ระนอง,ขอนแก่น ,นครราชสีมา,นครศรีธรรมราช ตรัง,พัทลุง,สงขลา,ยะลา และนราธิวาส
และในช่วง ตั้งแต่ 1 ม.ค.2565 เป็นต้นไป ใช้เกณฑ์จังหวัดที่มีพรมแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน 13 จังหวัด คือ สุรินทร์, สระแก้ว จันทบุรี ตาก นครพนม มุกดาหาร บึงกาฬ อุดรธานี อุบลราชธานี น่าน กาญจนบุรี ราชบุรี และสตูล
เพื่อให้เกิดแรงจูงใจสำรับนักท่องเที่ยว และ ผู้ประกอบการในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว(พื้นที่สีฟ้า) ศบค. จึงกำหนดให้มีมาตรการป้องกัน-ควบคุมโรค ที่ต่างจากมาตรการตามระดับสถานการณ์ย่อยอื่น โดย ให้มีมาตรการป้องกันและควบคุมโรค ที่สามารถปรับไปตามระดับของพื้นที่ โดยให้เป็นการพิจารณาของคณะกรรมการโรคติดต่อระดับจังหวัดอย่างรอบคอบโดยมีระบบการกำกับดูแลอย่างเข้มแข็ง โดยย้ำให้ใช้มาตรการ Universal Prevention และ COVID Free Setting และย้ำว่า ยังต้องปิดการให้บริการสถานบริการ และสถานบันเทิงที่มีลักษณะคล้ายกัน ต่อไป