ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีสาววัย 22 ปี ถูกสามีซ้อมได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสถูกหามส่งโรงพยาบาลสามชุก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี แต่ทนความเจ็บปวดไม่ไหวเสียชีวิต จึงไปตรวจสอบพบนางกรรยา ชานุช อายุ 46 ปีแม่ของ น.ส.กัณฐิมา วงค์รักมหาดไทย หรือน้องฟาง อายุ 22 ปีผู้เสียชีวิตพร้อมสามีและญาติยืนรออยู่
จากการสอบถามนางกรรยา เล่าว่าลูกสาวแต่งงานอยู่กินกับนายพิบูลย์ สงคราม อายุ 28 ปีหลังแต่งงานได้อาศัยอยู่ที่บ้านของพ่อแม่ฝ่ายชายที่ ต.วังลึก อ.สามชุก อยู่กินกันมาได้ 8 ปีจนมีลูกสาววัย 3 ขวบด้วยกัน 1 คนโดยฝ่ายชายประกอบอาชีพเพาะเลี้ยงไก่ชนขาย ส่วนลูกสาวทางฝ่ายชายไม่ยอมไม่ให้ทำอะไรและไม่ให้ไปไหนเพราะว่าหึงและหวง เนื่องจากลูกสาวตนเป็นคนสวยหน้าตาดี หลังจากแต่งงานอยู่กินมาได้ระยะหนึ่งทั้งคู่มักจะทะเลาะมีปากเสียงกันและทำร้ายร่างกายกันเรื่อยมา
จนบางครั้งลูกสาวทนไม่ไหวต้องเก็บเสื้อผ้าหนีมาอยู่ที่บ้านพ่อแม่ แต่ฝ่ายชายก็ตามมาง้อขอคืนดี อ้างว่าที่ทำไปเพราะว่ารักและหวงภรรยามาก พร้อมรับปากว่าจะไม่ทำร้ายภรรยาอีก สุดท้ายลูกสาวใจอ่อนยอมกลับไปคืนดีด้วยแต่พอกลับไปได้ไม่นานเหตุการณ์ก็จะเป็นเหมือนเดิม และลูกสาวก็หนีมาอยู่ที่บ้านตนอีกหลายครั้ง แต่ทุกครั้งฝ่ายชายก็จะตามมาง้อลูกสาวก็ใจอ่อนยอมคืนดีด้วยทุกครั้ง กระทั่งสุดท้ายวันนี้มาเกิดเหตุสลดขึ้นเมื่อลูกสาวถูกลูกเขยทำร้ายร่างกายอย่างหนักจนได้รับบาดเจ็บสาหัสสุดท้ายเสียชีวิตสร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับครอบครัวของตนเป็นอย่างมาก
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านสองชั้นครึ่งไม้ครึ่งปูนหลังใหญ่ พบนางก้านตอง สงคราม อายุ 61 ปีแม่ของนายพิบูลย์ผู้ก่อเหตุพร้อมสามีและญาติจำนวนหนึ่งกำลังจับกลุ่มคุยกันถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น สอบถามนางก้านตอง แม่ของผู้ก่อเหตุเล่าว่าที่ผ่านมาลูกชายกับลูกสะใภ้มักจะทะเลาะมีปากเสียงกันบ่อยด้วยเรื่องที่ลูกชายเป็นคนใจร้อนและขี้หึงและหวงเห็นเมียตัวเองคุยกับใครไม่ได้จะเกิดอาการหัวร้อนขึ้นมาทันทีตนพยายามสั่งสอนห้ามปราม ไม่ให้ทะเลาะกันให้ช่วยกันทำมาหากินแต่ก็ยังมีปัญหากันมาตลอดหลายครั้งลูกสะใภ้ได้หนีกลับบ้านแต่ลูกชายก็ตามไปง้อกลับมาก็เพราะว่ารักลูกชายจึงได้ไปตามง้อ
กระทั่งวันเกิดเหตุตนไม่อยู่บ้านไปขายของที่ จ.สิงห์บุรีกระทั่งกลับมาถึงบ้านเมื่อช่วงประมาณเที่ยงวันลูกชายได้มาบอกตนว่าลูกสะใภ้เป็นอะไรไม่รู้นอนไม่รู้สึกตัวอยู่ในห้องนอนชั้นล่างตนจึงรีบเข้าไปดูเห็นลูกสะใภ้นอนหงายอยู่บนเตียงจึงเข้าไปปลุกทั้งเรียกทั้งเขย่าตัวก็ไม่ตื่นจึงสั่งให้ลูกชายรีบขับรถพาไปส่งโรงพยาบาลสามชุกให้แพทย์ช่วยชีวิตแต่ไม่สามารถช่วยได้ลูกสะใภ้เสียชีวิตในเวลาต่อมาหลังเกิดเหตุและทราบว่าลูกสะใภ้เสียชีวิต ตนจึงให้ลูกชายข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สามชุกและให้พูดความจริงเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด เมื่อเราทำแล้วเราต้องยอมรับ
ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สามชุก หลังเกิดเหตุผู้ก่อเหตุได้เข้ามอบตัวจึงนำตัวไปนำชี้จุดเกิดเหตุถ่ายภาพเก็บไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นได้คุมตัวกลับมาสอบสวนปากคำทันทีโดยไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปถ่ายภาพโดย บอกแต่เพียงว่าขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานก่อนตอนนี้ยังไม่พร้อมให้รายละเอียดและยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาต้องรอให้กระบวนการสอบสวนเสร็จก่อนจึงจะแจ้งข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้ส่งศพผู้เสียชีวิตไปตรวจพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดที่สถาบันนิติเวชฯต่อไป