แพทย์ มช.เตือนผู้สูงอายุ รับซิโนแวค 2 เข็ม ให้รีบฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ด่วน

ศ.(เชี่ยวชาญพิเศษ) นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. , ศ.ดร.สาคร พรประเสริฐ คณบดีคณะเทคนิคการแพทย์ มช. , รศ.นพ.เฉลิม ลิ่วศรีสกุล หัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มช. และศ.(เชี่ยวชาญพิเศษ) ดร.วัชระ กสิณฤกษ์ คณะเทคนิคการแพทย์ มช. เปิดเผย ผลวิจัย ร่วมกัน ของคณะแพทยศาสตร์และคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

 

เพื่อทดสอบค่าภูมิคุ้มกันแอนติบอดี  ที่ยับยั้งการเข้าสู่เซลล์ของไวรัสโควิด-19 (neutralizing antibody, NAb) สายพันธุ์ต่างๆ ในอาสาสมัคร ที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์อายุมากกว่า 60 ปี ซึ่งมีสุขภาพแข็งแรง 24 คน โดยให้วัคซีน 3 เข็ม คือ วัคซีนมาตรฐาน 2 เข็มของซิโนแวค และได้รับวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 ด้วยแอสตร้าเซเนก้า

 

โดยเปรียบเทียบภูมิต้านทานต่อเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ต่างๆ ก่อนและหลังได้รับการกระตุ้นด้วยวัคซีนแอสตรา เซเนกา ซึ่งงานวิจัยชิ้นนี้ แตกต่างของงานจากงานวิจัยอื่น คือ เป็นการศึกษาเฉพาะประชากรกลุ่มเสี่ยงได้แก่ผู้สูงอายุ และเป็นการทดสอบ Neutralizing antibody (NAb) ไม่ใช่การทดสอบแอนติบอดี ต่อโปรตีนหนามหรือต่อ RBD ที่ถูกรายงานมาก่อนหน้านี้

 

ซึ่ง NAb เป็นแอนติบอดี  ที่มีผลยับยั้งเชื้อโควิด-19 ไม่ให้เข้าเซลล์โดยตรง ทำให้ไวรัสไม่สามารถก่อโรคในคนได้ นอกจากนี้ ยังเป็นการทดสอบผล ต่อเชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์ต่างๆ รวมทั้งสายพันธุ์เดลตา ซึ่งกำลังระบาดในประเทศไทยอีกด้วย

 

ผลการวิจัย พบว่า  การฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า กระตุ้นภูมิในประชากรสูงอายุที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค สูตรมาตรฐาน 2 เข็มมา  มีระดับ neutralizing antibody ที่ "เพียงพอ" ในการยับยั้งการเข้าสู่เซลล์มนุษย์ ของเชื้อโควิดสายพันธุ์ดั้งเดิม, สายพันธุ์เดลตา, สายพันธุ์แอลฟา, และสายพันธุ์เบตา

 

แต่การฉีดวัคซีนซิโนแวค สูตรมาตรฐาน 2 เข็ม สร้างระดับภูมิคุ้มกัน "ไม่เพียงพอ" ในการยับยั้งการเข้าสู่เซลล์มนุษย์ของเชื้อโควิด-19 ที่กลายพันธุ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายพันธุ์เดลตาในประชากรกลุ่มเสี่ยงคือ "ผู้สูงอายุ"

 

ดังนั้น ผู้สูงอายุที่ได้รับวัคซีนซีในแวค สูตรมาตรฐาน 2 เข็ม ควรได้รับการกระตุ้นภูมิด้วยวัคซีนเข็มที่ 3 ชนิดอื่น (ที่ไม่ใช่วัคซีนเชื้อตาย) โดยเร่งด่วน เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยและเสียชีวิตของประชากรกลุ่มเสี่ยงนี้