สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ทางด้าน เจฟฟ์ เซียนท์ ผู้ประสานงานทีมงานรับมือโคโรนาไวรัสประจำทำเนียบขาว เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (20 ก.ย.2564) ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะอนุญาตให้ผู้ที่ไม่ใช่ชาวอเมริกันและมาจากประเทศที่ถูกขึ้นบัญชีห้ามเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกาตั้งแต่เมื่อช่วงต้นปีที่แล้ว (2563) ให้สามารถเดินทางเข้าสหรัฐฯ ได้อีกครั้ง หากมีหลักฐานแสดงว่า ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดสแล้ว ก่อนขึ้นเครื่องบินจากต้นทาง พร้อมผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่ทำภายใน 3 วันก่อนเดินทางและมีผลเป็นลบ
ย้อนไปในสมัยการบริหารประเทศของ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้มีการประกาศจำกัดการเดินทางเข้าประเทศสหรัฐฯ สำหรับผู้ที่มาจากจีนเมื่อเดือน ม.ค. 2563 ก่อนจะขยายมาตรการดังกล่าวไปครอบคลุมอีกหลายประเทศในภายหลัง โดยไม่มีกำหนดว่าจะมีการผ่อนคลายและปลดล็อกอย่างไรและเมื่อไหร่
ต่อมา รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ตัดสินใจดำเนินมาตรการดังกล่าวต่อ พร้อมยกระดับความเข้มข้น ด้วยการห้ามผู้ที่เพิ่งเดินทางไปอังกฤษ สหภาพยุโรป จีน อินเดีย อิหร่าน บราซิล หรือ แอฟริกาใต้ ในช่วง 14 วันก่อนหน้า ไม่ให้เดินทางมายังสหรัฐฯ
นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการในขณะนี้ แสดงความยินดีต่อการปรับเปลี่ยนนโยบายการเดินทางของรัฐบาลสหรัฐฯ พร้อมให้ความเห็นว่า นักเดินทางต่างชาติน่าจะสามารถเดินทางเข้าสหรัฐฯ ได้ก่อนเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้าในปีนี้ ซึ่งตรงกับวันที่ 25 พฤศจิกายน
ขณะเดียวกัน สมาคมท่องเที่ยวสหรัฐฯ ได้ออกมาแสดงความยินดีต่อคำประกาศของรัฐบาลในครั้งนี้ ซึ่งเชื่อว่า การเดินทางระหว่างประเทศที่คล่องตัวมากขึ้น และการปรับลดกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ลงมา จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจอเมริกันได้
โรเจอร์ ดาว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสมาคมท่องเที่ยวสหรัฐฯ ระบุในแถลงการณ์ที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (20 ก.ย.) ว่า
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ “จุดเปลี่ยนสำคัญ” ในแผนงานจัดการไวรัส และจะช่วยเร่งการฟื้นตัวของตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจำนวนหลายล้านตำแหน่ง ซึ่งหดหายไปเนื่องจากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ
รายงานข่าวระบุว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบโดสที่เดินทางมายังสหรัฐฯ จะไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการกักตัวเฝ้าระวังอาการเมื่อเดินทางมาถึงสหรัฐฯ ดังเช่นที่บางประเทศดำเนินการอยู่
ทั้งนี้ทาง รัฐบาลของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ยังคงพยายามผลักดันให้ชาวอเมริกันฉีดวัคซีนให้มากขึ้นและประกาศว่า ผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน และเดินทางกลับมาจากต่างประเทศจะต้องถูกตรวจหาเชื้อโควิดภายในวันที่เดินทางถึงสหรัฐฯ และจะมีการตรวจอีกครั้งเมื่อเดินทางถึงบ้านของตน
ข้อมูลอย่างเป็นทางการของรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า ปัจจุบัน ชาวอเมริกันจำนวนมากกว่า 181 ล้านคนได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดครบโดสแล้ว ขณะที่มีประชาชนราว 70 ล้านคนที่มีสิทธิ์รับวัคซีน แต่ปฏิเสธที่จะทำการฉีด ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา
เจฟฟ์ เซียนท์ ผู้ประสานงานทีมงานรับมือโคโรนาไวรัสประจำทำเนียบขาว ยืนยันว่า
นโยบายใหม่นี้ “อ้างอิงที่ข้อมูลตัวบุคคล มากกว่าการพิจารณาดูประเทศที่เพิ่งเดินทางออกมา และเป็นระบบที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเก่า”
นอกจากนั้น ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) ยังจะขอให้สายการบินต่างๆ เก็บข้อมูลผู้เดินทางจากต่างประเทศให้ เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับการติดตามตัว หากเกิดการระบาดของโควิด-19 ในกลุ่มผู้เดินทางเข้ามายังสหรัฐในอนาคต
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่า วัคซีนชนิดใดถือว่าเป็นวัคซีนที่สหรัฐฯ จะใช้อ้างอิงในการพิจารณาอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศได้
โดยในประเด็นร้อนๆ สะท้านโลกเช่นนี้ เซียนท์ กล่าวว่า
CDC จะเป็นผู้ตัดสินใจในประเด็นนี้เอง
ขอขอบคุณที่มา: สำนักข่าววอยซ์ ออฟ อเมริกา และ เพจฐานเศรษฐกิจ