svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ORIGINAL

Parklets โควิด-19 และกัญชาคุณภาพ เหตุผลที่ทำให้ซานฟรานซิสโกเป็นเมืองที่ดีที่สุดในโลก

18 กันยายน 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ปัจจัยที่ทำให้เมืองเมืองหนึ่งกลายเป็นเมืองที่ดีที่สุดในโลกคืออะไร เมืองที่ดีที่สุด น่าอยู่ที่สุดต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง บางครั้งวิกฤตที่เกิดขึ้นอย่างโควิด-19 ก็ได้กลายเป็นตัวชี้วัดคุณภาพชีวิต ความคิดสร้างสรรค์ และจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งของผู้คนในชุมชนต่างๆ บนโลกไปปริยาย


Highlights:

  • ซานฟรานซิสโก นครแห่ง Parklets แนวคิดทางการเมือง และกัญชาคุณภาพ
  • แม้บรรยากาศจะเต็มไปด้วยเสรีภาพทางความคิด แต่ซานฟรานฯ มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา 80% ของประชากรได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้วตามมาตรฐาน
  • ความพยายามในการรักษาจิตวิญญาณและวัฒนธรรมของเมืองให้คงอยู่อย่างแข็งแกร่งของผู้คนทำให้เมืองผ่านพ้นวิกฤตไปได้ในที่สุด

--------------------

          นิตยสาร Time Out  มือวางของการจัดอันดับบอกว่า การจะหาว่าเมืองใดที่ดีที่สุด หรือน่าอยู่ที่สุดในโลก ด้วยการถามไถ่ผู้คนนั้น ไม่เพียงจะมีแต่เรื่องของอาหารหรือวัฒนธรรมเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของชุมชนสีเขียวและความยั่งยืนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพราะมันคือเทรนด์ของโลกที่ผู้คนกำลังให้ความใส่ใจกันมากในเวลานี้ และยังหมายถึงคุณภาพชีวิตที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ในทุกซอกทุกมุมของถนน และแล้วผลลัพท์ที่ออกมาในปี 2021 ก็คือ "ซานฟรานซิสโก"

 

          เราไปหาคำตอบกันว่า ทำไมซานฟรานซิสโก ถึงได้ตำแหน่งเมืองที่ดีที่สุดในโลกประจำปีนี้กัน

Parklets โควิด-19 และกัญชาคุณภาพ เหตุผลที่ทำให้ซานฟรานซิสโกเป็นเมืองที่ดีที่สุดในโลก

อดีตอันรุ่งเรืองสู่ปัจจุบันที่รุ่งโรจน์
          ซานฟรานซิสโกเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับที่ 17 ของสหรัฐอเมริกา และเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับสี่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ด้วยจำนวนประชากร 873,965 คนในปี 2020 ไม่มากไม่น้อย แต่น้อยกว่ากรุงเทพฯ เราเยอะเลย

 

          ตามประวัติ ซานฟรานซิสโก หรือ SF ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2319 เมื่อชาวอาณานิคมจากสเปนได้ก่อตั้ง 'เพรซิดิโอแห่งซาน ฟรานซิสโก' (Presidio of San Francisco) ที่ Golden Gate และ Mission San Francisco de Asís ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่กี่ไมล์ สถานที่ทั้งสองตั้งชื่อตามชื่อของบาทหลวงคาทอลิกชาวอิตาลีคือ Francis of Assisi ในช่วงยุคตื่นทองของแคลิฟอร์เนียในปี 1849 ส่งผลให้เมืองเติบโตอย่างรวดเร็ว ซานฟรานฯ กลายเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดบนชายฝั่งตะวันตกในขณะนั้น หลังเหตุการณ์มหาวินาศแผ่นดินไหวและไฟไหม้ครั้งใหญ่ในปี 1906 ทำให้สามในสี่ของเมืองถูกทำลายราบคาบแต่ซานฟรานซิสโกก็ถูกสร้างขึ้นใหม่อย่างรวดเร็ว อีกเก้าปีต่อมาตั้งหลักด้วยการเป็นเจ้าภาพจัดงานนิทรรศการนานาชาติปานามา-แปซิฟิก ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ซานฟรานซิสโกเป็นท่าเรือหลักในการจัดส่งกองกำลังไปยังโรงสมรภูมิรบภาคแปซิฟิก จากนั้นก็กลายเป็นบ้านเกิดของสหประชาชาติในปี พ.ศ. 2488 (คศ.1945)

ตัวอย่าง Parklet หรือ สวนสาธารณะเล็กๆ เก๋ไก๋บนถนนในนครซานฟรานซิสโก

นครแห่ง Parklets แนวคิดทางการเมือง และเฟื่องฟูด้วยกัญชาคุณภาพ
          คำถามคือ อะไรกันแน่ที่ทำให้ซานฟรานซิสโกกลายเป็นเมืองที่ดีที่สุดในโลกในเวลาเช่นนี้?


          อัตราจำนวนประชากรฉีดวัคซีนสูง ทำให้ไลฟ์สไตล์ของชีวิตกลางแจ้งกลับมา เช่น การรับประทานอาหารนอกบ้าน ชีวิตกิ๊บเก๋ในร้านกาแฟ  แถมยังมีกัญชา พืชเสรีที่มีคุณภาพ ทำให้ซานฟรานฯ กลายเป็นสถานที่ที่เหมาะจะอยู่อาศัยในปี 2564 ไปโดยปริยาย

ทางเดินแบบ Parklets และ Slow Street ได้กลายเป็นสัญลักษณ์อันดีงามของชาวเมือง ยิ่งในช่วงการระบาดของโควิด-19 ยิ่งทำให้มี parklets เกิดขึ้นมากมาย

          ก่อนนี้เรารู้กันว่า ซานฟรานซิสโกเป็นแหล่งกำเนิดของแนวความคิดใหม่ ๆ ทั้งงานศิลปะและนวัตกรรมที่ก้าวหน้ามาช้านาน ด้วยค่านิยมอันดีงามเหล่านี้ ยังไม่ต้องพูดถึงร้านอาหารที่โด่งดัง ออปชั่นของนักปีนเขา/นักเดินป่าอันไม่มีที่สิ้นสุด รวมไปถึงร้านขายยาที่ทันสมัย ล้วนเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้คนที่ตอบแบบสอบถามในดัชนี Time Out ปี 2564 ยกให้ SF เป็น 'เมืองที่ดีที่สุดในโลก' ในปี 2564

 

          แน่นอนว่า City by the Bay แห่งนี้มีปัญหาอยู่พอสมควร ทั้งปัญหาคนเร่ร่อน คนไร้บ้าน คนจรจัด  ราคาบ้านในราคาเอื้อมไม่ถึง และคุณภาพอากาศที่แย่มากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงฤดูอัคคีภัยมักจะตกเป็นข่าวพาดหัว แต่มีเมืองใดบ้างที่ไม่มีปัญหาเหล่านี้ สิ่งที่ทำให้ซานฟรานซิสโกโดดเด่นไม่เหมือนใครก็คือการตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยเฉพาะเหตุการณ์เมื่อปีที่ผ่านมา เมื่อโควิด-19 สั่นสะเทือนโลกทั้งใบ
อีกหนึ่ง Parklet เล็กๆ บนทางเท้าของ SF จุดแวะพักของนักปั่น สถานที่สำหรับแวะพัก นั่งเล่น และพักผ่อนขณะทำกิจกรรมบนท้องถนน ขอเล่าถึง Parklets ซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์อันดีงามประการหนึ่งของเมือง
          Parklets คือส่วนขยายของทางเท้า ที่ขยายออกไปเพื่อให้มีพื้นที่มากขึ้น พร้อมกับมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนที่ใช้ถนน โดยปกติ Parklets จะติดตั้งอยู่บนถนน มันคือการปรับใช้พื้นที่ถนนที่เคยใช้สำหรับจอดรถไปเป็นพื้นที่สวนสาธารณะชนาดจิ๋ว มีการตกแต่งด้วยต้นไม้และสีสัน แทนที่จะใช้พื้นที่ไปจอดรถทั้งหมด คล้ายกับเป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจบนถนนหรือบนทางเท้านั่นเอง

 

          ซานฟรานซิสโกได้รับเครดิตในการทำให้เกิดพื้นที่สาธารณะเก๋ๆ บนทางเท้าแบบนี้เป็นครั้งแรก เพราะ Parklets เป็นโครงการระดับฏิบัติการหนึ่งในโครงการ Urbanism ที่เกิดขึ้นโดยกลุ่มศิลปินของสตูดิโอสหวิทยาการของนครซานฟรานฯ ชื่อ Rebar (ก่อตั้งขึ้นในปี 2547) ที่เรียกว่า Park(ing) เริ่มขึ้นในปี 2548 และเติบโตขึ้นเป็นปรากฏการณ์ทั่วโลกจนเกิดเป็น Park(ing) Day

 

          ต่อมา Parklet หรือสวนสาธารณะบนท้องถนนก็ได้เกิดขึ้นตามเมืองต่างๆ ทั่วโลก 
มาพูดถึงการรับมือกับโควิด-19 ของ SF กันต่อ...เพราะนี่คือเหตุผลข้อแรกๆ ที่ทำให้ SF ได้ตำแหน่งเมืองที่ดีที่สุดในโลกในปีนี้ไปครอง

 

ซานฟรานซิสโกเป็นเมืองที่รับมือกับโควิด-19 ได้ดีที่สุดเมืองหนึ่งในโลก
          ในปี 2020 บรรดาผู้นำของนครได้ใช้มาตรการรับมือโควิด-19 ที่กล่าวได้ว่าเข้มงวด ดุดัน และมีประสิทธิภาพที่สุดในประเทศ ชาวบ้านชาวเมืองได้รวมตัวกันเพื่อรักษาจิตวิญญาณและวัฒนธรรมของเมืองให้คงอยู่ ใช้ถนนคนเดินเพื่อสร้างพื้นที่เพิ่มเติมสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง สร้าง parklets เก๋ไก๋สำหรับการดื่มกินกลางแจ้ง ทาสีหน้าร้านใหม่ หรือแม้แต่แชร์พื้นที่ร่วมกันเพื่อบรรเลงการอบขนม

 

          ซานฟรานซิสโกเป็นเมืองที่มีหลายสิ่งเอื้อต่อการหนีภัยโควิด-19 ด้วยสภาพอากาศที่อบอุ่นตลอดทั้งปี บรรยากาศของร้านอาหารและกิจกรรมนอกบ้านที่เฟื่องฟู กัญชาคุณภาพสูง และยังเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวแนวผจญภัยในธรรมชาติอันไม่มีที่สิ้นสุด เข้าถึงได้ง่าย ตั้งแต่การเดินป่าในพื้นที่ชนบทที่อุดมไปด้วยไวน์ หรือจะอารมณ์ผ่อนคลายบนชายหาดประดามี ที่สำคัญคือเวลานี้เนื่องจากเมืองมีอัตราการฉีดวัคซีนสูง (แถมยังมีกฎแบนผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีนเข้าพื้นที่ในร่มหลายแห่ง) ทำให้ SF กลายเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุดในการเพลิดเพลินกับชีวิตเมืองๆ ที่พวกเราทั้งหลายอาจลืมไปสิ้นแล้วในยุคโควิด-19!

 

          ถ้าถามว่าทำไม SF ถึงเป็นเมืองที่ดีที่สุดในโลกในตอนนี้ก็ต้องบอกว่า ก็เป็นเพราะการตอบสนองต่อโควิด-19 ในเชิงรุกของนคร ทำให้ SF มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา โดย 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้อยู่อาศัยในเมืองได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้ว นอกจากนี้กฎระเบียบอันเคร่งครัดของเมืองยังกำหนดให้ประชาชนแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนก่อนเข้าสู่สถานที่ประกอบธุรกิจในร่มต่าง ๆ เช่น ร้านอาหาร บาร์ และโรงยิม ซึ่งทำได้อย่างเข้มงวดแต่มีประสิทธิภาพมาก

Parklets โควิด-19 และกัญชาคุณภาพ เหตุผลที่ทำให้ซานฟรานซิสโกเป็นเมืองที่ดีที่สุดในโลก

สเน่ห์ของชุมชนที่มาชุมนุมกันในยามยาก
          เมื่อโควิดนำความมืดมามาสู่เมือง ชาวนครซานฟรานซิสโกต่างช่วยกันทำงานอย่างหนักเพื่อจุดนครให้เกิดแสงสว่างขึ้นอีกครั้ง ทั้งด้วยภาพของหมีน้อยน่ารัก หรือ Honey Bear ของศิลปินนามว่า Fnnch ที่ยืนอยู่ตามบานประตู หน้าต่างของร้านค้า หรือผนังกำแพงของอาคารจนกลายเป็นสัญลักษณ์ติดตา เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน หรือแม้กระทั่งการแขวนขนมปังซาวโดวจ์ไว้บนต้นไม้และเสาโทรศัพท์เพื่อช่วยให้เพื่อนบ้านเกิดแรงบันดาลใจเริ่มทำงานอดิเรกกันใหม่ในช่วงที่ต้องกักตัวอยู่ในบ้าน

 

          ตัวอย่างที่สร้างสรรค์ที่สุดประการหนึ่งของการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในชุมชนก็คือการเปิดตัว SF New Deal ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร เริ่มต้นโดยเจ้าของร้านเบเกอรี่และซีอีโอด้านเทคโนโลยีเพื่อนำพนักงานร้านอาหารกลับมาทำงานด้วยการทำอาหารให้กับผู้คนที่ต้องการอาหารโครงการนี้นำเงินหลายล้านดอลลาร์กลับคืนสู่อุตสาหกรรมร้านอาหาร ในขณะเดียวกันก็ได้ช่วยเหลือชุมชนที่กำลังเปราะบางด้วย


การระเบิดของ parklets
          ซานฟรานซิสโกซึ่งเป็นนครที่มีออปชั่นบนพื้นที่อสังหาริมทรัพย์ไม่มากนัก ด้วยพื้นที่มีจำกัดจำเขี่ย และก็ไม่ได้มีพื้นที่รับประทานอาหารกลางแจ้งอย่างมากมายก่ายกอง แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปสิ้นในปี 2020 เมื่อเมืองยกเลิกข้อจำกัดทั้งหมดผ่านโครงการพื้นที่ร่วม หรือ Shared Spaces Program อนุญาตให้ร้านอาหารสร้าง พื้นที่สาธารณะที่เรียกว่า parklets แทนพื้นที่จอดรถ ปัจจุบันกลายเป็นว่ามี parklets เกิดขึ้นมากกว่า 1,700 แห่งเรียงรายอยู่ตามถนนในเมือง โดย parklets แต่ละแห่งก็จะมีรูปแบบหรือลักษณะเฉพาะของตัวเอง บางที่ทำจากไม้ บ้างก็ทาสีด้วยจิตรกรรมฝาผนัง และอีกหลายแห่งประดับด้วยหลังคาและโคมไฟระย้า ถนนที่พลุกพล่านที่สุดของ SF หลายแห่งในเวลานี้ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นปาร์ตี้กลางแจ้งขนาดใหญ่ และด้วยความสำเร็จเบอร์นี้ คณะกรรมการเมืองได้โหวตให้พวกชาวเมืองเก็บพื้นที่เก๋ไก๋นี้ไว้ได้อย่างถาวร


อ้อมกอดที่เปิดกว้างสำหรับอุตสาหกรรมกัญชา
          นับตั้งแต่กัญชาเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ - recreational marijuana กลายเป็นสิ่งถูกกฎหมายในแคลิฟอร์เนียตั้งแต่ปี 2018 จำนวนร้านขายยา เลาจ์ และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกัญชาที่มีอยู่ใน SF ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โชคดีที่รัฐบาลท้องถิ่นสามารถอ่านเกมและมองว่า กัญชาเป็นธุรกิจที่ 'สำคัญ' ในช่วงการระบาดของโควิด-19 นครแห่งนี้ยังได้พยายามทำให้ผู้คนเกิดความมั่นใจว่า ไม่ได้มีแต่ผู้มีอภิสิทธิ์เท่านั้นที่ได้รับประโยชน์จากอุตสาหกรรมพืชเสรีชนิดนี้ แต่ยังเฟื่องฟูสำหรับทุกคนด้วยการเปิดตัวโครงการที่มอบใบอนุญาตกัญชาสำหรับประชาชนที่ไม่ใช่คนผิวขาวและ/หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามยาเสพติด ส่งผลให้มีร้านขายยาใหม่ ๆ ผุดขึ้นมากมาย เช่น Posh Green Cannabis Boutique ที่เป็นของคนผิวดำ

  Parklets โควิด-19 และกัญชาคุณภาพ เหตุผลที่ทำให้ซานฟรานซิสโกเป็นเมืองที่ดีที่สุดในโลก ประเพณีการรวมตัวและความยุติธรรมทางสังคม
          เมื่อพิจารณาจากประวัติศาสตร์ด้านการเคลื่อนไหวแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ซานฟรานซิสโกจะเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีการประท้วงมากที่สุดเมืองหนึ่ง ทั้งการต่อต้านความโหดร้ายรุนแรงของตำรวจและปกป้องชีวิตคนผิวดำในเหตุการณ์ #BlackLivesMatter และจงอย่าแปลกใจ ที่บรรดาคนหนุ่มสาวเป็นผู้นำการเคลื่อนไหว หนึ่งในการประท้วงที่ใหญ่ที่สุด นำโดยซิโมน ฌาคส์ วัย 17 ปี ซึ่งในขณะนั้นเป็นผู้นำผู้คนมากกว่า 15,000 คนในการเดินขบวนจากโรงเรียนมัธยมมิชชั่นไปยังสวนสาธารณะโดโลเรส หกเดือนต่อมา วัยรุ่นอีกสองคนคือ Tiana Day และ Mimi Zoila ปิดสะพาน Golden Gate ด้านหนึ่งด้วยการประท้วงยาวสี่ไมล์
Parklets โควิด-19 และกัญชาคุณภาพ เหตุผลที่ทำให้ซานฟรานซิสโกเป็นเมืองที่ดีที่สุดในโลก อุทิศให้กับความเขียวในทุกสิ่ง
          SF เต็มไปด้วยสวนสาธารณะและพื้นที่สีเขียวที่อนุญาตให้ชาวเมืองได้อาบแดด ปิกนิก เดินป่า และดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันงดงามของอ่าวซานฟราน ในขณะที่ทุกคนก็ยังปฏิบัติตามกฎการเว้นระยะห่างทางสังคม (เซ็นทรัลพาร์อาจคือศูนย์รวมของความรุ่งโรจน์ทั้งหมด แต่โกลเดนเกตพาร์คของ SF นั้นใหญ่กว่าจริง ๆ แถมยังเจ๋งกว่า - เขาเคลมมาอย่างนั้น) และการขับรถเป็นระยะทางสั้น ๆ ไปยังสถานที่พักผ่อนย่อนใจกลางแจ้งชื่อดังต่าง ๆ ก็ยิ่งทำให้ชาวนครซานฟรานยิ่งน่าอิจฉาเข้าไปอีก ทั้ง ไวน์คันทรี, ทาโฮ, บิ๊กซูร์, คาร์เมลบายเดอะซี และที่อื่น ๆ เพียงแค่รอการสำรวจ

 

          นอกเหนือจากพื้นที่สีเขียวทั้งหมดแล้ว SF ยังเป็นผู้นำในการวางแผนสีเขียว เมืองนี้ได้สั่งแบนพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง มีกลยุทธ์ในการวางแผนรับมือกับการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจัง และยังได้ลงทุนจำนวนมหาศาลในระบบขนส่งสาธารณะที่ใช้ระบบไฟฟ้าด้วย เรียกว่าครบทุกด้านจริงๆ 

สีรุ้งสดใสของร้านค้าในย่านคาสโตร หนึ่งในย่านชุมชนเกย์แห่งแรกในสหรัฐอเมริกา ความเชื่อในพลังศิลปะสาธารณะ
          พิพิธภัณฑ์ศิลปะในซานฟรานซิสโกมีชื่อเสียงระดับโลก แต่เมืองนี้ก็ยังเป็นสนามหรือพื้นที่ของภาพสตรีทอาร์ตที่เฟื่องฟู ซึ่งมีความโดดเด่นและเติบโตมากขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 ศิลปินมองว่าหน้าร้านที่เต็มไปด้วยผลงานคือโอกาสในการสร้างตัวตนและคือข้อความที่แสดงถึงความหวังให้กับเมือง พวกเขาจึงช่วยกันเติมสีสันให้กับถนนทุกสายด้วยผลงานของตนด้วย เกิดเป็นผลงานจิตรกรรมตามกำแพงและผนังของอาคารที่ปรากฏขึ้นในทุกย่าน ไม่เพียงเท่านั้นงานศิลปะใหม่ ๆ ในร้านค้ากว่า 20 แห่งในเขตคาสโตร (ในย่าน Eureka Valley คาสโตรเป็นหนึ่งในย่านชุมชนเกย์แห่งแรกในสหรัฐอเมริกา) ก็ยังมีความโดดเด่นเป็นพิเศษ จากความหลากหลายของบรรดาศิลปิน ซึ่งเวลานี้ได้รับการขนานนามว่า Castro Art Project มีการนำผลงานของศิลปิน LGBTQ+, Black, Indigenous และ POC มาฝากร่องรอยไว้มากมาย

 

          นอกจากนี้คาสโตรยังคงเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของเลสเบี้ยน , เกย์ , กะเทยและเพศ ( LGBT ) การเคลื่อนไหวและเหตุการณ์ในโลก

 

          [*Castro Street ได้รับการตั้งชื่อตาม José Castro (1808–1860) ผู้นำชาวแคลิฟอร์เนียของเม็กซิโกที่ต่อต้านการปกครองของสหรัฐฯ ในแคลิฟอร์เนียในช่วงศตวรรษที่ 19]

 

          จะเห็นได้ว่าเมืองที่ดีที่สุดในโลกนั้นเกิดขึ้นก็ด้วยประชากรที่มีคุณภาพ โครงสร้างอันแข็งแกร่ง ความร่วมแรงร่วมใจกันของผู้คนที่ก่อเกิดประเพณีและวัฒนธรรมในชุมชน อุดมไปด้วยการช่วยเหลือเกื้อกูล (แม้ในระยะห่าง) แรงบันดาลใจดี ๆ ไปจนถึงการสร้างกฎระเบียบและการทำตามกฎนั้นอย่างเคร่งครัดเพื่อผลต่อชีวิตส่วนรวมของคนในชุมชน แม้ทุกเมืองในโลกจะอุดมด้วยปัญหา แต่ทุกชีวิตในทุกเมืองล้วนต้องการนำพาตัวเองไปสู่ชีวิตที่ดีกว่าทั้งสิ้น แน่นอนว่าโครงสร้างที่ดีก็คือสิ่งที่จะนำไปสู่ประชากรที่มีคุณภาพ ชุมชมที่มีวัฒนธรรมอันดีก็จะเกิดขึ้นในโลก ที่สำคัญชุมชนเหล่านั้นพร้อมที่จะรับมือและเผชิญหน้ากับทุกปัญหาที่จะเกิดขึ้นอย่างแข็งแกร่งและด้วยจิตวิญญาณเช่นมนุษย์ที่สร้างสรรค์

 

ศิวดี อักษรนำ

--------------------

อ้างอิง:

logoline