6 กันยายน 2564 คณะกรรมการดำเนินการจัดกิจกรรมอันเป็นสาธารณประโยชน์เพื่อสังคมและกิจกรรมนันทนาการ วุฒิสภา ซึ่งนำโดย นายพีระศักดิ์ พอจิต สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานคณะกรรมการฯ มอบโล่ประกาศเกียรติคุณ โครงการ "ทำดี มีคนรู้" ให้กับ ศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ ประธานกรรมหาร มูลนิธิต่อต้านการทุจริต ผู้ทำความดีต่อสังคมและประเทศ ด้านการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม โดยมี นายกรรณภว์ ธนภรรคภวิน ว่าที่ร้อยตรี วงศ์สยาม เพ็งพานิชภักดี สมาชิกวุฒิสภา รวมถึงคณะกรรมการฯ เข้าร่วมแสดงความยินดี
โดยนายพีระศักดิ์ ได้กล่าวเชิดชู ศาสตราจารย์พิเศษวิชา ว่า เป็นนักกฎหมายระดับประเทศ ที่ได้ดำรงตนเป็นแบบอย่างของนักกฎหมาย ซึ่งในส่วนตัวตนเคารพและยกย่องศาสตราจารย์พิเศษ วิชา อีกทั้ง ยังมีความเมตตาเป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการ และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ต่อส่วนรวมในระดับประเทศ ซึ่งเสาหลักในโครงสร้างการบริหารของประเทศไทย ทั้ง 3 ฝ่าย
ทั้งนี้ หากภาวะปกติทั้ง 3 โครงสร้างก็สามารถดำเนินการไปเพื่อแก้ปัญหาให้กับประเทศได้ แต่ในขณะนี้ภาวะวิกฤติเกิดขึ้น โดยเฉพาะสถานการณ์โควิด-19 ปัญหาสังคม ความขัดแย้ง วิกฤติศรัทธา โครงสร้างหลักไม่สามารถแก้ไขวิกฤติของประเทศขณะนี้ได้ ต้องเป็นคนที่สามารถนำหลักนิติรัฐนิติธรรมเข้ามาช่วยแก้ปัญหา
นอกจากนี้ เชื่อว่าในอนาคตจะมีผู้นำที่มีหลักนิติรัฐนิติธรรมจะนำพาประเทศไทยด้วยหลักนิติรัฐนิติธรรม บารมี มาช่วยนำพาประเทศพ้นวิกฤติไปได้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าศาสตราจารย์พิเศษ วิชา ก็จะเป็นบุคคลนั้น ที่จะสามารถทำให้ประเทศไทยสามารถผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ไปได้
ด้านศาสตราจารย์พิเศษ วิชา ได้กล่าวว่า ขอบคุณคณะกรรมการฯที่มีโครงการ "ทำดี มีคนรู้" ที่ได้พิจารณาคัดเลือกให้ตนได้รับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ รู้สึกปลื้มใจที่มีคนเห็นสิ่งที่ตนได้ทำต่อสังคมและประเทศชาติ พร้อมยอมรับว่าปัจจุบันปัญหาของประเทศหนักหนาจริง โดยแต่ละเรื่องที่ออกมากระแทกใจประชาชนอย่างมาก เช่น กรณีตำรวจซ้อมผู้ต้องหาโดยใช้ถุงดำครอบศีรษะจนเสียชีวิต
ทั้งนี้ จึงอยากขอเตือนว่า "อย่าปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ" แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอาจจะด้วยความเกรงใจที่ถือว่าเป็นคุณสมบัติที่ดีของคนไทย แต่ไม่ใช่คุณสมบัติที่ดีต่อประเทศชาติ ซึ่งหัวใจของคนไทยนั้นไม่ใช่เป็นคนไม่ดี เพราะจริงแล้วเป็นคนที่มีจิตใจรู้ในคุณงามความดี แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือความกล้าหาญในวิชาชีพ โดยการทำงานเพื่อประชาชนนั้นจะต้องทำงานด้วยหัวใจดวงเดียวกับประชาชน แต่จะต้องมีสิ่งที่เหนือกว่าประชาชนคือการหยั่งรู้ในคุณธรรม ซึ่งไม่ใช่แค่ทำความดี แต่ต้องรู้ลุกซึ้งว่าการจะทำสิ่งใดที่เกิดความดีต่อสังคม