รอง อสส.เสนอโปรดเกล้าฯ ปรเมศวร์’ แทน ’วงศ์สกุลลาพักร้อน 

2 กันยายน 2564 นายพชร ยุติธรรมดำรง ประธานคณะกรรมการข้าราชการอัยการ (ก.อ.) เปิดเผยกรณีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงในสำนักงานอัยการสูงสุด รายนายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ว่า ก.อ.ยืนยันตามมติเดิม เมื่อวันที่ 14 ก.ค.64 เห็นชอบแต่งตั้งนายปรเมศวร์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการอัยการ มีผลย้อนหลังเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2563 โดยเห็นว่าคดีที่นายปรเมศวร์ ต้องคำพิพากษาไม่ใช่ความผิดวินัยร้ายแรง เพียงแต่เป็นอัยการจึงเป็นที่จับตามมองของคนทั่วไป แต่นั้นก็เป็นเรื่องนอกเวลาราชการ 

อย่างไรก็ดี 21 ส.ค.64 สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี มีหนังสือตอบกลับไปยังอัยการสูงสุด ขอให้ยืนยันความเหมาะสมในการแต่งตั้งนายปรเมศวร์

ต่อมา นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด (อสส.) นำเรื่องให้ ก.อ. พิจารณา กระทั่งในการประชุม ก.อ. วันที่ 25 ส.ค. 64 มีมติไม่รับพิจารณายืนยันความไม่เหมาะสม เนื่องจากเคยมีมติไปแล้ว และเป็นอำนาจของ อสส. ที่จะทำเรื่องเสนอกลับไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อทูลเกล้าฯ อีกครั้ง 

นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม

ร้อยโท ไชยา เปรมประเสริฐ รองอัยการสูงสุด

มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ย.64 ร้อยโท ไชยา เปรมประเสริฐ รองอัยการสูงสุด รักษาราชการแทน นายวงศ์สกุล  ได้ลงนามในหนังสือ ถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อยืนยันมติเห็นควรนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายปรเมศวร์  เป็นผู้ตรวจการอัยการ เป็นทางการแล้ว 

หนังสือระบุว่า ตามที่ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ขอให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี พิจารณาดำเนินการนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการอัยการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 63 เป็นต้นไป และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ขอให้สำนักงานอัยการสูงสุด ยืนยันความถูกต้องเหมาะสมในการแต่งตั้ง นายปรเมศวร์ และแจ้งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการนำความกราบบังคมทูลพระกรุณา ต่อไปนั้น 

สำนักงานอัยการสูงสุดขอเรียนว่า ในการประชุม ก.อ. ครั้งที่ 7/2564 วันพุธที่ 14 ก.ค.64 ที่ประชุมพิจารณาเรื่องความถูกต้องเหมาะสมในการดำเนินการพิจารณานำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายปรเมศวร์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการอัยการ ก.อ.ได้มีมติเห็นควรนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายปรเมศวร์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการอัยการ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563  เป็นต้นไป

สำนักงานอัยการสูงสุด จึงขอให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี พิจารณาดำเนินการนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป

นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด

มีรายงานจากสำนักงานอัยการสูงสุด ว่า ร้อยโท ไชยา รองอัยการสูงสุด  ลงนามในหนังสือแทนนายวงศ์สกุล  อสส. เนื่องจากวันที่ 31 ส.ค.64  นายวงศ์สกุล ได้ยื่นหนังสือขอลาพักร้อน สำนักงาน กอ. จึงให้ ร้อยโท ไชยา เป็นผู้ลงนามแทน ในฐานะรักษาราชการแทน อสส.

สำหรับการลงนามเรื่องสำคัญของ รอง อสส. แทนนายนายวงศ์สกุล เคยเกิดขึ้นมาแล้ว กรณีคำสั่งชี้ขาดไม่อุทธรณ์ คดีนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีถูกฟ้องคดีฟอกเงินจากกรณีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้เครือกฤษดามหานคร ในส่วนเช็ค 10 ล้านบาท โดยนายเนตร นาคสุข รอง อสส. คนที่ 1 อาวุโสสูงสุด ทำหน้าที่รักษาราชการแทนอสส. ซึ่งในระหว่าง นั้น นายวงศ์สกุล ไปราชการในพื้นที่สำนักงานอัยการภาค 7 

นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่ การลงนามคำสั่งชี้ขาดไม่ฟ้อง นายบอส วรยุทธ อยู่วิทยา โดยนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด ตามคำสั่งอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องนายบอส ในทุกกรณี ลงวันที่ 12 มิ.ย.63

นายเนตร ยืนยันว่า ที่สั่งไม่ฟ้องนายบอส ถูกต้องและไม่เห็นด้วยกับข้อสังเกตของนายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานก.อ.ในขณะนั้น นายเนตร ยืนยันว่าทำถูกต้องทุกอย่าง เพราะสั่งโดยมีอำนาจและสั่งเช่นนี้ตลอดเวลา ในกรณีที่หยิบยกเรื่องขอความเป็นธรรมมา ซึ่งจะเห็นว่าทำได้ตลอด ไม่ถือว่าคำสั่งนี้เป็นการลบคำสั่ง ร.ต.ต.พงษ์วิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อดีตอัยการสูงสุด เป็นคนเสนอความเห็นว่าให้ยุติการขอความเป็นธรรม เพราะเป็นการสั่งเฉพาะเรื่องร้องขอความเป็นธรรมเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับเรื่องสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้อง 

นายเนตร ยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องรายงานต่ออัยการสูงสุด เพราะถือว่าตนเองมีอำนาจโดยสูงสุดอยู่แล้ว

มีรายงานว่าคดีบอส นั้น ร.ต.ต.พงษ์วิวัฒน์ อัยการสูงสุด ขณะนั้น มีความเห็นว่าให้ยุติการขอความเป็นธรรมตามของนายบอส ดังนั้น ผู้จะสั่งกลับความเห็นอัยการสูงสุดได้ ต้องเป็นอัยการสูงสุด คือนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ ไม่ใช่นายเนตร นาคสุข ที่ได้รับมอบอำนาจแทนอัยการสูงสุด