svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ครม.อัดงบ 105 ล้าน ให้“กรมประชาสัมพันธ์” จับ “เฟคนิวส์โควิด”

31 สิงหาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ครม. อนุมัติงบกลางฯ ให้กรมประชาสัมพันธ์ ใช้ภายในเดือน ธ.ค.นี้ เพื่อเผยแพร่ข่าวสารที่ถูกต้อง ป้องปราม การเผยแพร่ข่าวปลอม การบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร (Fake News) จากผู้ที่ขาดความรู้ที่ถูกต้อง หรือผู้ที่ไม่พึงพอใจต่อการดำเนินงานของภาครัฐ

31 สิงหาคม 2564  ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (30 ส.ค.) อนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 105,592,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการรณรงค์เอาชนะโควิด ตามมาตรการเร่งด่วน (Thailand Prevention) สำหรับผลิตและเผยแพร่สื่อประชาสัมพันธ์เพื่อการป้องกัน และแก้ไขสถานการณ์อันมีผลกระทบอันเนื่องมาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19)

 

โดยการดำเนินงานจากงบประมาณนี้ให้มีดำเนินการในระยะเร่งด่วน (ภายในเดือน ธ.ค. 2564) ก่อน โดยคำนึงถึงความเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน  2 กิจกรรม ดังนี้

 

ผลิตและเผยแพร่ สปอตทางวิทยุ และโทรทัศน์ จำนวน 51,592,000 บาท

ผลิตและเผยแพร่ผ่านสื่อโฆษณา Online จำนวน 54,000,000 บาท

 

สำหรับกิจกรรมอื่นเห็นสมควรให้กรมประชาสัมพันธ์พิจารณาใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 มีผลใช้บังคับ โดยพิจารณาดำเนินการตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. 2562 ในโอกาสแรก ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

กรมประชาสัมพันธ์รายงาน ครม.รับทราบว่า ความเป็นมาของเรื่องที่จะเสนอจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)ระลอกใหม่ ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลต้า (Delta) ทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งด้านสาธารณสุขเศรษฐกิจ การลงทุน การศึกษา การประกอบอาชีพ และการดำเนินชีวิต ส่งผลให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น

 

ซึ่งศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์อุดม คชินทร รองประธานคณะที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไรรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) (ศบค.) ได้กล่าวในการประชุม ศบค.เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2564 ว่า

 

ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ทั่วทั้งโลกมีการระบาดของสายพันธุ์เดลต้า (อินเดีย)อย่างมากแพร่กระจายถึง 96 ประเทศ สถานการณ์ในประเทศไทยเมื่อ 2 เดือนที่แล้วมีการระบาดสายพันธุ์อัลฟ่า (อังกฤษ) ประมาณ 85-90 % ตั้งแต่ช่วงเดือน มิ.ย. - ก.ค. มีการระบาดสายพันธุ์เดลต้าภาพรวมประเทศอยู่ที่ 30 % ถือว่าเร็วมากถ้านับเฉพาะกรุงเทพฯ และปริมณฑลคิดเป็น 50 % ของเชื้อที่พบ

 

ครม.อัดงบ 105 ล้าน ให้“กรมประชาสัมพันธ์” จับ “เฟคนิวส์โควิด”

 

ทั้งนี้รัฐบาลจึงควรมีการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร ที่นำเสนอประเด็นแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และประเด็นอื่น พร้อมกับสื่อสารให้ประชาชนทราบถึงแนวทางการแก้ไขสถานการณ์หรือประเด็นที่เกี่ยวข้อง

 

โดยผลการดำเนินงานที่ผ่านมาแม้ภาครัฐจะมีมาตรการ และการดำเนินงานเพื่อแก้ไขเยียวยา และบรรเทาผลกระทบของประชาชนออกมาเป็นจำนวนมาก แต่จากความรุนแรงของสถานการณ์

รวมทั้งการเผยแพร่ข่าวปลอมการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร (Fake News) จากผู้ที่ขาดความรู้ที่ถูกต้อง หรือผู้ที่ไม่พึงพอใจต่อการดำเนินงานของ ภาครัฐ ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนเข้าใจผิดและอาจเกิดปัญหาความชัดแย้งบานปลายได้

 

ซึ่งประเด็นปัญหาเหล่านี้ได้นำมาหารือในการประชุมคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2565 โดยรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครื่องาม) เป็นประธานการประชุม ซึ่งที่ประชุมได้เร่งรัดให้รัฐบาลเร่งสร้างความเข้าใจแก่ประชาชน เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในข้อมูลข่าวสาร และมาตรการแก้ไขปัญหาของประเทศ

 

ตลอดจนวิธีการปฏิบัติตนในช่วงสถานการณ์วิกฤตรุนแรงในปัจจุบัน ดังนั้น การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง หรือผู้ที่ไม่พึงพอใจต่อการดำเนินงานของภาครัฐ ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนเข้าใจผิดและอาจเกิดปัญหาความชัดแย้งบานปลายได้

 

ครม.อัดงบ 105 ล้าน ให้“กรมประชาสัมพันธ์” จับ “เฟคนิวส์โควิด”

 

ซึ่งประเด็นปัญหาเหล่านี้ได้นำมาหารือในการประชุมคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2564 โดยรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธานการประชุม ซึ่งที่ประชุมได้เร่งรัดให้รัฐบาลเร่งสร้างความเข้าใจแก่ประชาชน เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในข้อมูลข่าวสาร และมาตรการแก้ไขปัญหาของประเทศตลอดจนวิธีการปฏิบัติตนในช่วงสถานการณ์วิกฤตรุนแรงในปัจจุบัน

 

ดังนั้นการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องรวดเร็ว รวมทั้งการสร้างความรู้ ความเข้าใจแก่ประขาชน จึงเป็นเรื่องสำคัญจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องเร่งดำเนินการตามที่ได้มีการขออนุมัติงบประมาณจำนวนดังกล่าว

 

ครม.อัดงบ 105 ล้าน ให้“กรมประชาสัมพันธ์” จับ “เฟคนิวส์โควิด”

logoline