วันที่ 28 สิงหาคม 2564 พ.ต.ต.ณัฐดนัย สีแข่ไตร สารวัตรกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม (สว.กก.3 บก.ป.) ร.ต.อ.อัครวุฒิ จันทร์เจริญ, ร.ต.อ.อาธิรัตน์ ทิพย์เจริญ, ร.ต.ต.วิทยา สุทธิปัญโญ, ว่าที่ ร.ต.ต.สุรศักดิ์ บุญเพ็ง, ด.ต.มนตรี โสภัย, ด.ต.นมสิทธิ์ วาทโยธา, ส.ต.อ.ชูศักดิ์ เฟื่องฟู พร้อมชุดปฏิบัติการ 1 กก.3 บก.ป. ร่วมกันจับกุม นายโฆษิต (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ได้ที่บริเวณริมถนน ใน ซ.บ้านสวนพระยาสัจจา 31 ถ.พระยาสัจจา ต.บ้านสวน อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี หลังตกเป็นผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2563 ในความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์”
สืบเนื่องจากเหตุเสียชีวิตของ นายสมชาย (สงวนนามสกุล) หรือ เลขาจุก เจ้าของร้านอาหาร ซึ่งเป็นคนสนิทอดีต ส.ส.กาญจนบุรี หลังถูกยิง 4 นัดเข้าที่ราวนมขวา เสียชีวิตในร้านอาหารของตัวเอง เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2553 ซึ่งจากการตรวจสอบพบ คนร้ายดักซุ่มยิงนายสมชายฯ จำนวน 6 นัด ในระยะประชิด จึงเชื่อว่า ผู้ก่อเหตุเป็นคนคุ้นเคยกันมาก่อน
ต่อมา อีก 4 วันต่อมา ตำรวจภูธรภาค 2 และตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี ได้สนธิกำลังกันเข้าจับกุมผู้ต้องหาไว้ได้ ขณะกบดานอยู่ที่บ้านพักในเมืองกาญจนบุรี ตามหมายจับคดีฆ่า 3 ศพ เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม 2553 ที่ อ.บ่อวิน จ.ชลบุรี รวมถึงคดีสังหาร “เลขาจุก” แต่นายโฆษิตฯ ให้การปฏิเสธทั้ง 2 คดี หลังจากนั้นจึงได้นำตัวไปดำเนินคดีที่ สภ.บ่อวิน จังหวัดชลบุรี
ต่อมา เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2553 ทาง สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้ออกหมายจับผู้ต้องหา ในคดีสังหารเลขาจุก ซึ่งผู้ก่อเหตุมีสายสัมพันธ์เป็นลูกเลี้ยงของผู้ตาย อายุห่างกัน 24 ปี โดยผู้ต้องหามีความชำนาญในเรื่องการใช้อาวุธปืน และยังมีทรัพย์สินทั้งบ้าน ที่ดิน และรถอีกหลายคัน รวมมูลค่าหลายสิบล้าน โดยสาเหตุในการก่อเหตุน่าจะมาจากปมขัดแย้งส่วนตัว
การสืบสวนทำให้ทราบว่า ผู้ต้องหา ได้หลบหนีไปพักอาศัยที่บ้านพัก หมู่ที่ 5 ต.บ้านสวน อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี ตำรวจจึงนำกำลังออกติดตาม จนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหา พร้อมคำปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ก่อนจะนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผู้ก่อเหตุมีสายสัมพันธ์เป็นลูกเลี้ยงของผู้ตาย อายุห่างกัน 24 ปี โดยผู้ต้องหามีความชำนาญในเรื่องการใช้อาวุธปืน และยังมีทรัพย์สินทั้งบ้าน ที่ดิน และรถอีกหลายคัน รวมมูลค่าหลายสิบล้าน โดยสาเหตุในการก่อเหตุน่าจะมาจากปมขัดแย้งส่วนตัว