วันที่ 27 สิงหาคม 2564 ดร.อมร วาณิชวิวัฒน์ นักวิชาการ อาจารย์ประจำภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นว่า จากเท่าที่ติดตามการทำงานของตำรวจ ในการคลี่คลายคดีนี้ มองเป็นเรื่องน่าตำหนิ ที่กระบวนการพยายามเอื้อเฟื้อให้ผู้ต้องหา รับโทษน้อยกว่าที่ควรจะเป็น เห็นคำวิจารณ์ของสำนักข่าวต่างประเทศ ตั้งข้อสงสัยว่า การเร่งแถลงข่าวที่กองปราบ โดยยังไม่ทันนำตัวไปที่ สภ.เมือง นครสวรรค์ ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ ในฐานะเจ้าของคดี เพื่อบันทึกจับกุมหรือเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ประเด็นนี้ สื่อต่างประเทศอาจไม่เข้าใจว่า การเปิดแถลงที่รวดเร็วหลังการจับกุม เป็นเรื่องปกติของบ้านเรา ซึ่งการอ้างวเหตุผลเพราะเตรียมโอนคดีให้กองปราบอยู่แล้ว หรือเรามีการบันทึกจับกุมในยุคดิจิทัลก็ตาม แต่นำตัวมาจากจ.ชลบุรี แล้วแถลงข่าวที่กองปราบเมื่อคืน ก็เป็นเรื่องไม่ถูกต้องตามกระบวนการยุติธรรม จนกลายเป็นการตั้งข้อสงสัยจากสายตาต่างชาติ
ยิ่งแถลงด้วยการโฟนอิน ก็เป็นวิธีหนึ่ง ป้องกันอาการเลิกลั่ก ถูกจับพิรุธคำพูดจากพฤติกรรมที่แสดงออก และยังสามารถใช้ควบคุมการเผยแพร่ข้อมูล จากคำสัมภาษณ์ ของผู้ต้องหา ซึ่งสามารถใช้เป็นหลักฐานยืนยันในชั้นศาล และนั่นเป็นที่มา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เอยคำเตือน ผกก.โจ้ ก่อนตอบคำถามสื่อมวลชน
“คดีนี้ ตำรวจรู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น คาดเดาเอาว่า ระหว่างควบคุมตัวมาแถลงที่กองปราบ เป็นโอกาสให้ ผกก.โจ้ อธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้น แล้วเพื่อให้การแถลงข่าวสามารถใช้เป็นคำสารภาพประกอบสำนวน มันก็ต้องมีการเตี๋ยม ปรับพร็อตเรื่องเสียใหม่ เพื่อเป็นแนวทางให้ ผกก.โจ้ ใช้ตอบคำถามกับสื่อมวลชน"
อาจารย์ อมร ระบุอีกว่า คำพูดหลายๆ ประโยคของ ผกก.โจ้ เช่น การปฏิเสธเรียกรับเงิน การเสียชีวิตจากความไม่ตั้งใจแล้วพูดแสดงออกถึงความรับผิดชอบ ล้วนเป็นคำสารภาพของผู้ต้องหาเพื่อนำไปลดทอนโทษ ไม่แน่ว่าจากนี้อาจข้อมูลใหม่ๆ ถูกนำไปปั่นกระแส เอื้อให้เกิดผลดีต่อพล็อตเรื่องที่วางไว้ก็ได้
แต่กระบวนการยุติธรรมก็ยังมีเรื่องที่ต้องพิสูจน์ ทางนิติวิทยาศาสตร์อีกมากมาย เช่น ภาพวงจรปิดเหตุการณ์คลุมหัว ถูกบันทึกได้ในวันที่ 5 สิงหาคม แต่เทปเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ที่ยังไม่มีใครเห็น อาจใช้เป็นหลักฐานยืนยันที่มาที่ไปของคดีที่เกิดขึ้นก็ได้