
จากสภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ที่ปัจจุบันในพื้นที่ยังคงมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น ส่งผลกระทบถึงสภาพความเป็นอยู่และเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในชุมชนการท่องเที่ยว หรือชุมชนหัตถกรรม ที่ในตอนนี้จากสภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวทำให้การท่องเที่ยวในหลายพื้นที่ต้องหยุดชะงักมาอย่างยาวนาน อีกทั้งส่งผลต่อรายได้ของชุมชนที่เกิดขึ้น
เช่นเดียวกันกับที่ชุมชนบ้านถวาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นหมู่บ้านหัตถกรรมไม้แกะสลัก และเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่ขึ้นชื่อที่สุดแห่งหนึ่งของ จ.เชียงใหม่ ที่ภายหลังจากได้รับผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ทำให้ชุมชนไม่มีรายได้จากการท่องเที่ยวและการจำหน่ายสินค้าหัตถกรรม อีกทั้งไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปท่องเที่ยว จนทำให้ขณะนี้ผู้ประกอบการในพื้นที่หลายรายต่างพากันปิดกิจการ และต้องปรับตัวหันมาประกอบธุรกิจอย่างอื่น หรือในรูปแบบอื่นแทนการเปิดขายหน้าร้าน จากเดิมที่มีนักท่องเที่ยวหรือผู้สนใจเข้ามาติดต่อซื้อสินค้าหัตถกรรมถึงหน้าร้าน และพบว่าปัจจุบันมีผู้ประกอบการไม่ต่ำกว่า 400 ราย จากทั้งหมด 900-1,100 ราย ต้องปิดกิจการลงในที่สุด จากผลกระทบที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องมายาวนานเกือบ 3 ปีแล้ว
นายวสันต์ เดชะกัน นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจสินค้าหัตถกรรมบ้านถวาย ในฐานะรองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในส่วนของชุมชนบ้านถวาย เป็นอีกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่นเดียวกันกับหลายๆ พื้นที่ โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดขึ้นในตอนนี้ที่เป็นช่วงระลอก 3-4 แล้ว เมื่อเกิดผลกระทบจากการท่องเที่ยวทำให้คนเดินทางเข้ามาพื้นที่น้อยลง
แต่อีกทางหนึ่งจากการที่ชุมชนบ้านถวายเป็นชุมชนที่ผลิตสินค้าหัตถกรรม ทำให้เป็นข้อได้เปรียบจากการที่ไม่จำเป็นที่จะต้องให้ลูกค้า หรือนักท่องเที่ยวที่สนใจเดินทางเข้ามาในพื้นที่เพียงทางเดียว โดยสามารถส่งสินค้าไปได้ ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายปรับตัว และเปลี่ยนพฤติกรรมการด้วยการหันมาทำธุรกิจออนไลน์ หรือส่งขายสินค้ากันมากกว่าการเปิดขายหน้าร้านมากขึ้น ซึ่งยังพอช่วยขายสินค้าได้ แต่ยังคงไม่เหมือนกับการจำหน่ายสินค้าในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19
ขณะเดียวกัน ในส่วนของความแตกต่างด้านรายได้ธุรกิจจากก่อนหน้านี้ที่มีนโยบายการส่งเสริมสินค้า OTOP ชุมชน และช่วงที่หมู่บ้านถวายเป็นชุมชนที่ติดอันดับ ช่วงประมาณปี 2547-2548 มีรายได้เข้ามาใน จ.เชียงใหม่ ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้จากการที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่และทั้งในส่วนของการจำหน่ายสินค้าด้วยการส่งออกไปยังต่างประเทศ รวมถึงรายได้จากการจำหน่ายสินค้าที่ได้จากการที่นักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ แต่ช่วงหลังมานี้รายได้ที่เคยมีนั้นหายไปมากพอสมควร ทำให้สถิติยอดขาย และผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้ผู้ประกอบการบางรายพากันปิดกิจการและบางรายก็ลดกำลังการผลิต ทำให้ยอดรายได้ที่ก่อนหน้านี้มีรายได้ปีละไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้าน ลดลงไปหลายเท่าตัวทำให้ตอนนี้คาดว่าน่าจะเหลือเพียงประมาณ 300-400 ล้านบาทต่อปี เนื่องจากส่วนหนึ่งเกิดจากผลกระทบที่ตามมาอย่างต่อเนื่อง
โดยกลุ่มแรกเป็นกลุ่มลูกค้าส่งออก ขณะนี้ในต่างประเทศนั้นได้รับผลกระทบเช่นกัน และกลุ่มที่สอง ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าภายในประเทศ เช่น ลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์ไปตกแต่งคอนโด โรงแรม ต่างๆ ที่เป็นพื้นที่ต่างจังหวัด อาทิเช่น ภูเก็ต พัทยา หัวหิน ที่มีการติดต่อซื้อผลิตภัณฑ์ไปตกแต่ง เมื่อมีผลกระทบของโควิด-19 เข้ามาก็ทำให้มีการลดยอดการสั่งซื้อลง จากการที่ไม่มีนักท่องเที่ยว หรือจากการที่มีการหยุดการให้บริการหรือการปิดชั่วคราว
นายวสันต์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของบ้านถวายนั้น ได้รับผลกระทบอย่างหนักมาก เนื่องจากขณะนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในพื้นที่นั้นแทบจะไม่มี หรือหากวัดค่าตัวเลขแล้วนั้นน่าจะเหลือเพียงหลักเดียว จากแต่เดิมที่เคยมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา ซึ่งคาดว่าตัวเลขที่หายไปน่าจะมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ที่หายไป ซึ่ง่ปัจจัยนั้นมาจากผลกระทบของเชื้อโควิด-19 ที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการแพร่ระบาดในระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นมาก็ทำให้ชุมชนบ้านถวายได้รับผลกระทบอยู่พอสมควร แต่จากผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเนื่องนั้นทำให้ชุมชนหรือผู้ประกอบการในพื้นที่มีการปรับตัว โดยส่วนใหญ่ขณะนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่หันมาทำธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น
นอกจากนี้ ที่ผ่านมาทางภาครัฐโดยเฉพาะในส่วนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้มีโครงการส่งเสริมชุมชนท่องเที่ยว โดยชุมชนบ้านถวายได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 41 ชุมชนทั่วประเทศ ให้มีการอบรมเชิงลึกในเรื่องของการค้าขายออนไลน์ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถใช้ช่องทางการจำหน่ายสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้เข้าใจการขายสินค้ามากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของความคาดหวังว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกตินั้น ทางชุมชนยังมีความคาดหวังอยู่ แต่อาจจะเป็นในลักษณะพฤติกรรมใหม่ที่เกิดขึ้นหรืออาจเป็นวิถีชีวิตใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม ซึ่งขึ้นอยู่กับการปรับตัวว่าจะสามารถดึงให้เกิดประโยชน์หรือให้สามารถอยู่รอดได้อย่างไร และหากมองอีกมุมหนึ่งก็เหมือนเป็นการคัดกรอง ซึ่งขณะนี้ทางชุมชนบ้านถวายก็เหลือผู้ประกอบการที่ยังคงทำธุรกิจในลักษณะนี้อยู่ ส่วนผู้ประกอบการบางรายที่ทำเป็นอาชีพไม่ตายตัวก็มีการล้มเลิกไปหลายรายเช่นกัน
ภาพ/ข่าวโดย ธนกร วงค์นาง / เชียงใหม่